YGG ลุ้นปลด CB ส.ค.นี้! เงินเพิ่มทุน 135 ล้าน-ขายลิขสิทธิ์ ดันส่วนผู้ถือหุ้นเกิน 50%

YGG แจงแผนเพิ่มทุนขายผู้ถือหุ้นเฉพาะเจาะจง ได้รับเงิน 135 ล้านบาท รวมทั้งแผนขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ Home Sweet Home Rebirth ทำรายได้ทยอยเข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 1 ปีนี้ ส่งผลให้ส่วนผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นและสูงกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว และคาดสามารถปลดเครื่องหมาย CB ได้ภายในเดือนสิงหาคม 2568 ย้ำผู้ถือหุ้นใช้สิทธิร่วมประชุมโหวตขายหุ้นเพิ่มทุน PP วันที่ 11 มีนาคมนี้


นายธนัช จุวิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ YGG  เปิดเผยว่า  เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 บริษัทได้จัดประชุมเพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูล และชี้แจงแนวทางแก้ไขตตามสาเหตุที่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขึ้นเครื่องหมาย CB เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 จากกรณีที่บริษัท  มีส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่าร้อยละ 50 ของทุนชำระแล้ว สำหรับงบการเงินประจำปี 2566 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567

โดยบริษัทมีแนวทางการแก้ปัญหาและทิศทางการดำเนินงานในอนาคต  ด้วยการเพิ่มทุนจดทะเบียน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียน ตามที่ที่ประชุมของคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2568 และฉบับที่แก้ไข มีมติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 ในวันที่ 11 มีนาคม 2568 เพื่อพิจารณาและอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 250 ล้านหุ้น  มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่ บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ราคาเสนอขายหุ้นละ 0.5400 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิน 135 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับเงินดังกล่าวในช่วงมีนาคม – มิถุนายน 2568

ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัท ในไตรมาส 1 และ ไตรมาส 2 ปี 2568  จะมีการรับรู้รายได้จากการจำหน่ายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ของบริษัท  ที่จะเริ่มรับรู้ในปี 2568 และแนวทางกลยุทธ์การปรับโครงสร้างต้นทุน จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้น  เพิ่มขึ้นภายในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 และหากไม่มีเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่าจะส่งผลให้บริษัท  มีฐานะทางการเงินที่ไม่เข้าเกณฑ์เครื่องหมาย CB อีกต่อไป

อย่างไรก็ตามหากบริษัทดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วจำนวน 135 ล้านบาทแล้วเสร็จ จะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงเดือนมกราคม – มิถุนายน 2568 เป็นไปตามที่คาดการณ์ ประกอบกับกำไรสะสมของบริษัทที่มีอยู่  คาดว่าระดับอัตราส่วน ในส่วนของผู้ถือหุ้นต่อทุนชำระแล้วจะสูงกว่าร้อยละ 50 และบริษัทจะสามารถปลดเครื่องหมาย CB ได้ภายในช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2568 (งบการเงินสำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2568)

นายธนัช กล่าวอีกว่า ในส่วนภาพยนตร์ฮอลลีวูด เรื่อง “Home Sweet Home: Rebirth” ได้ทยอยขายลิขสิทธิ์แล้ว ซึ่งได้รับความสนใจจากบริษัทจัดจำหน่ายชั้นนำระดับโลก ปัจจุบันสามารถขายลิขสิทธิ์ได้แล้วใน   64 ประเทศทั่วโลก และยังอยู่ระหว่างการเจรจากับหลายประเทศเพิ่มเติม ส่วนของตลาดในประเทศไทย อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้จัดจำหน่าย คาดว่าจะสรุปได้ในเร็วๆนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าฉายในประเทศไทยซึ่งขณะนี้ภาพยนตร์ Home Sweet Home: Rebirth ได้โปรโมทเพื่อเตรียมเปิดฉายช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ในหลายประเทศ

สำหรับรายได้จากการขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ เริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ต้นปี 2568 เป็นต้นไป  โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายสิทธิ์เผยแพร่ภาพยนตร์ จำนวน 1.4 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 47 ล้านบาท ที่เริ่มทยอยรับรู้รายได้ และรายได้จากส่วนแบ่งการจัดจำหน่ายในทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งบริษัทจะได้รับส่วนแบ่ง 50%-70% ของรายได้ในแต่ละตลาด และจะเริ่มมีรายได้เข้ามาหลังจากภาพยนตร์ออกฉายในปลายเดือนมีนาคมนี้

นอกจากนี้ยังได้ฝากถึงผู้ถือหุ้นของบริษัท ใช้สิทธิในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 ในวันที่ 11 มีนาคม 2568 ในวาระขออนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวน 5 ราย รวม 250 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 135 ล้านบาท โดยเงินที่ได้จะถูกนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ และลงทุนในโครงการทางธุรกิจในอนาคตของบริษัท เพื่อการพัฒนาและต่อยอดธุรกิจอย่างยั่งยืน

ผู้ถือหุ้นที่สนใจเข้าร่วมประชุมสามารถตอบกลับ หรือมอบฉันทะ มายังบริษัท หรือ ทางอีเมล [email protected] ภายในวันที่ 10 มีนาคม 2568 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณกัณฐิกา อังประทีป โทร. 081-934-8176

Back to top button