“กัณฑรา” มอง SET ผันผวน แนะกลยุทธ์ “Selective Buy” สะสมหุ้นพื้นฐานแกร่ง

"กัณฑรา" คาด SET ผันผวน แนะนักลงทุนใช้กลยุทธ์ "Selective Buy" เลือกหุ้นพื้นฐานดี พร้อมทยอยสะสมเก็บพอร์ตระยะยาว


นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ในวันนี้ (7 มี.ค.68) ว่าตลาดหุ้นไทยกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นต่างประเทศ ส่งผลให้แนวโน้มตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลดลงตามไปด้วย

โดยปัจจัยสำคัญที่กดดันบรรยากาศการลงทุนในขณะนี้ ได้แก่ การปรับตัวลงของดัชนีดาวโจนส์ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งลดลงในระดับที่ค่อนข้างมาก นอกจากนี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น (นิเคอิ) ยังเปิดตลาดปรับตัวลดลงกว่า 600-700 จุด ซึ่งเป็นสัญญาณที่สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของนักลงทุนทั่วโลกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ

อีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาด คือ นโยบายที่ไม่แน่นอนของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นประเด็นที่อาจสร้างความผันผวนต่อตลาดการเงินและการลงทุนทั่วโลก ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศยังคงขาดความเชื่อมั่นในแง่ของการเติบโต โดยคาดการณ์ว่าอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยในปีนี้จะอยู่ที่ราว 2.3-2.5% ซึ่งต่ำกว่าระดับที่ควรจะเกิน 3% จึงส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยยังคงเผชิญกับภาวะซบเซา

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังถูกเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงกว่า ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าประเด็นทางการเมืองภายในประเทศ อาทิ การอภิปรายในวันที่ 24 มีนาคม หรือประเด็นเกี่ยวกับสมาชิกวุฒิสภา อาจเป็นที่จับตามองของนักลงทุน แต่ก็ยังไม่น่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อทิศทางของตลาดหุ้น เนื่องจากการอภิปรายดังกล่าวขึ้นอยู่กับเสียงสนับสนุนมากกว่าตัวเนื้อหาที่มีการถกเถียงกันในสภา

สำหรับแนวรับสำคัญของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ระดับ 1,173 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดเดิม หากตลาดสามารถรักษาระดับนี้ไว้ได้ ดัชนีอาจเข้าสู่ภาวะการเคลื่อนไหวแบบ Sideways แต่หากแนวรับนี้ถูกทะลุลงไป อาจเผชิญกับแรงขายเพิ่มเติมและมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อไป

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและอยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่การตั้งเป้าหมาย GDP ไทยที่ 3-3.5% อาจยังไม่เพียงพอในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน โดยมุมมองของนายกัณฑรามองว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจควรเน้นไปที่การเข้าถึงประชาชนในระดับฐานรากให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถสร้างแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง

ในด้านกลยุทธ์การลงทุน ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวที่ 1,390-1,400 จุด ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนในระยะยาว นักลงทุนที่สนใจสามารถใช้กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม (DCA – Dollar Cost Averaging) เนื่องจากระดับราคาหุ้นในขณะนี้ยังอยู่ในช่วงที่เหมาะสมสำหรับการสะสมพอร์ตการลงทุน

ขณะเดียวกัน กลยุทธ์ที่เหมาะสมในช่วงนี้คือ การเลือกซื้อหุ้นรายตัว (Selective Buy) โดยควรมุ่งเน้นไปที่หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง แทนที่จะลงทุนตามกลุ่มอุตสาหกรรม เนื่องจากในช่วงที่ตลาดปรับตัวลง อาจมีหุ้นพื้นฐานดีที่ถูกขายออกมาพร้อมกับตลาดโดยไม่มีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโดยตรง

โดยตัวอย่างหุ้นที่น่าสนใจในขณะนี้ ได้แก่ บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NSL ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจจำหน่ายแซนด์วิชให้กับร้านสะดวกซื้อ โดยมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ก่อนหน้านี้ราคาหุ้นเคยอยู่ในระดับ 30-40 บาท แต่ปัจจุบันปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 26-27 บาท ซึ่งถือเป็นจุดที่น่าสนใจสำหรับการทยอยเข้าซื้อ หากพิจารณาแล้วว่าปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจยังคงแข็งแกร่ง นักลงทุนจึงอาจใช้โอกาสนี้ในการสะสมหุ้นสำหรับการลงทุนในระยะยาว

Back to top button