PTG กางแผนปี 68 รุกหนัก Non-Oil ขยายพันธุ์ไทยแตะ 5 พันสาขา ปี 71 ดันกำไรขั้นต้นพุ่ง 50%

PTG กางแผนธุรกิจปี 68 รุกหนัก Non-Oil ลุยขยายพันธุ์ไทยแตะ 5,000 สาขา ปี 71 หนุนสมาชิก PT Max Card เพิ่มอีก 2 ล้านราย ดันสัดส่วนกำไรขั้นต้นพุ่ง 50% ตั้งงบลงทุนปี 68 ราว 6-7 พันล้าน เน้นขยายกาแฟพันธุ์ไทย หนุนธุรกิจเติบโตยั่งยืน พร้อมมุ่งสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 73


นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยในงาน “ PTG Drive for Tomorrow: Max Card. Max Growth. Max World.” ว่า บริษัทวางกลยุทธ์เติบโตในปี 2568 โดยขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ Max World ที่จะเดินหน้าขยายเครือข่ายธุรกิจในหลากหลายมิติ เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง พร้อมตอกย้ำวิสัยทัศน์ “อยู่ดี มีสุข” ผ่านการพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ที่เชื่อมโยงทุกไลฟ์สไตล์ และใช้ฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus กว่า 25 ล้านสมาชิก เป็นกลไกสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ Oil และ Non-Oil

โดยวางเป้าปี 2571 สัดส่วนกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil เพิ่มขึ้นเป็น 50% จากปี 2567 อยู่ที่ 25% โดยแบ่งเป็น ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจะเพิ่มขึ้นเป็น 25% และ อื่น ๆ อีก 25% ขณะที่ธุรกิจ Oil สัดส่วนกำไรขั้นต้นจะอยูที่ 50% จากปี 2567 อยู่ที่ 75%ด

โดยบริษัทวางแผนขยายพอร์ต Non-Oil โดยจะเน้นขยายกาแฟพันธุ์ไทยเป็นอาวุธสำคัญในการหนุนเติบโต โดยบริษัทวางเป้าขยายสู่ 5,000 สาขาทั่วประเทศภายในปี 2571 ส่วนปี 2568 ตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มอีก 600 สาขา แตะ 1,947 สาขา เทียบปี 2567 ที่ขยายได้ 465 สาขา อยู่ที่ 1,347 สาขา

นอกจากนี้ปี 2568 บริษัทวางเป้าเพิ่มฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus เพิ่มอีกราว 2 ล้านราย จากปัจจุบันมีฐานสมาชิกกว่า 25 ล้านสมาชิกเพื่อ เป็นกลไกสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ Oil และ Non-Oil

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2568 ตั้งเป้าปริมาณการขายเติบโต 5-10% เทียบกับปี 2567 ที่เติบโต 13% นอกจากนี้ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ oil อยู่ที่ระดับ 90% และรายได้ธุรกิจ Non-Oil 10 %

นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะส่งบริษัทลูกเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 7-8 ราย โดยในปีนี้มีแผนดันบริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ ATLAS เข้าตลาดฯ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหันสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) และในปี 2569 มีแผนที่จะส่งบริษัทลูกเข้าตลาดอีก 2 บริษัท และในปีถัดไปอีก 1-2 บริษัท

สำหรับปี 2568 บริษัทตั้งงบลงทุน (CAPEX) ไว้ที่ 6,000-7,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะใช้กับธุรกิจธุรกิจ Non-Oil ราว 5-6 พันล้านบาท

นอกจากนี้ PTG ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการเติบโตของธุรกิจ แต่ยังให้ความสำคัญกับการส่งมอบคุณค่าให้กับสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมที่ผ่านมา PTG ได้ดำเนินโครงการที่ช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ โครงการติดตั้ง Solar Roof ในสถานีบริการ, ค่ายอาสาทำจริงไม่ทิ้งกัน, การส่งเสริมพืชเศรษฐกิจและไม้ยืนต้นร่วมกับการปลูกกาแฟ และการฟื้นฟูป่าชายเลน รวมถึง การร่วมมือกับกรมการค้าภายใน รับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรกรเพื่อนำมาแจกให้ลูกค้าสถานีบริการน้ำมัน

อีกทั้ง PTG ยังตอกย้ำความมุ่งมั่นด้าน ธรรมาภิบาลและความโปร่งใส โดยได้รับรอง CAC ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ด้วยแนวคิดของ PTG คือ การเติบโตของธุรกิจต้องไปพร้อมกับสังคมและสิ่งแวดล้อม เพราะ PTG ตระหนักดีว่าภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบโดยตรงต่อทุกภาคส่วนจากวิกฤตน้ำท่วม ไฟป่า ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบและต้นทุนคาร์บอนในระดับโลก ปัจจุบัน 140 ประเทศทั่วโลกได้ประกาศเป้าหมาย Net Zero ซึ่งกำลังเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมพลังงานผ่าน นโยบาย COP, ภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) และ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ซึ่งอาจเพิ่มต้นทุนให้กับธุรกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง ด้วยเหตุนี้ PTG จึงให้คำมั่นในการก้าวสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2030

Back to top button