TDRI แนะปฏิรูปตลาดทุนแก้ “กฎล้าสมัย” ช่วยลดค่าเสียโอกาส 943 ล้านต่อปี

ทีดีอาร์ไอ เผยผลศึกษากิโยตินกฎระเบียบตลาดทุน พบช่องทางลดต้นทุนธุรกิจ-เพิ่มประสิทธิภาพตลาดทุนไทย อาจช่วยลดภาระต้นทุนได้ 96.4 ล้านบาทต่อปี และลดค่าเสียโอกาสสูงถึง 943 ล้านบาท พร้อมเสนอ 3 มาตรการเร่งด่วนยกระดับความเชื่อมั่น


วันนี้ (7 มี.ค.68) นายกิรติพงศ์ แนวมาลี หัวหน้าโครงการกิโยตินกฎระเบียบตลาดทุน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เปิดเผยผลการศึกษาวิเคราะห์ ทบทวนกฎ ระเบียบ ประกาศ และข้อบังคับที่เกี่ยวกับการอนุญาตที่ไม่จำเป็น หรือเป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจในตลาดทุนไทย (กิโยตินกฎระเบียบตลาดทุน) ว่า TDRI ใช้เวลาศึกษา 2 ปี ทบทวนกฎระเบียบกว่า 138 เรื่อง ครอบคลุมกว่า 332 กระบวนงานจากหลากหลายหน่วยงาน เช่น ตลาดหลักทรัพย์ฯ, สมาคมตราสารหนี้ และบริษัทหลักทรัพย์ รวมถึงหน่วยงานอื่น ๆ ในตลาดทุน

ทั้งนี้ในจำนวนข้อเสนอทั้งหมด มี 22 เรื่องที่มีข้อมูลชัดเจนเพียงพอต่อการประเมินเป็นต้นทุนได้ พบว่า หากปรับปรุงตามข้อเสนอดังกล่าวจะสามารถประหยัดต้นทุนได้อย่างน้อย 96.4 ล้านบาทต่อปี จากต้นทุนที่เกิดขึ้นจริง 282.9 ล้านบาทต่อปี หรือประหยัดได้ 34.1% และยังสามารถลดต้นทุนค่าเสียโอกาสได้ถึง 943.1 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็น 87.2% จากต้นทุนค่าเสียโอกาสทั้งหมด 1,081.9 ล้านบาทต่อปี

พร้อมมีข้อเสนอ 3 มาตรการยกระดับความเชื่อมั่นของตลาดทุนไทย ดังนี้

  1. มาตรการเพิ่มความสะดวกและยกระดับความเชื่อมั่นตลาดทุน เช่น ลดภาระเอกสาร TDRI เสนอให้การส่งหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นทางอีเล็กทรอนิกส์เป็นช่องทางหลัก ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความรวดเร็ว จากเดิมที่จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ถือหุ้นก่อน ความซ้ำซ้อนการยืนยันตัวตน KYC ให้สามารถดำเนินการเพียงครั้งเดียวผ่านระบบกลาง เช่น NDID หรือระบบอื่น ๆ และสามารถใช้ได้กับทุก บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)พร้อมเสนอยกเลิกการติดอากรแสตมป์บนหนังสือมอบฉันทะของผู้ถือหุ้น

สำหรับเรื่องการขาดเครื่องมือกำกับสำนักงานสอบบัญชีตลาดทุนนั้น เสนอให้แก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เพิ่มโทษปรับเป็นพินัย โดยให้อำนาจสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ปรับเป็นพินัยสำนักงานสอบบัญชี ซึ่งค่าปรับสูงสุดต้องเพียงพอที่จะป้องกันการกระทำความผิด พร้อมออกแนวทางลงโทษผู้สอบบัญชีและสำนักงานสอบบัญชี รวมถึงแก้ไข พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ให้สำนักงานสอบบัญชีต้องขึ้นทะเบียนเป็นสำนักงานสอบบัญชีในตลาดทุนกับสำนักงาน ก.ล.ต. ด้วย

นอกจากนี้มีประเด็นพัฒนาปรับปรุงกลไกการบังคับใช้กฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการดำเนินคดีและปรับปรุงบทลงโทษให้รุนแรงเพียงพอสำหรับการป้องกันและปราบปรามการกระทำอันไม่เป็นธรรม (Market Misconduct) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนด้วย  

  1. มาตรการเพิ่มความสะดวกและความเชื่อมั่นตลาดตราสารหนี้ เช่น ข้อจำกัดการโอน Scripless Saving Bond ระหว่างธนาคาร เสนอให้แก้ไขหนังสือชี้ชวนให้สามารถโอนได้ สำหรับการกำหนดให้ใช้ตราสารหนี้เป็นหลักประกัน แก้ไขระเบียบหน่วยงานผู้รับหลักประกันให้รองรับการใช้พันธบัตรไร้ใบตราสารเป็นหลักประกันได้

ในกรณีการขาดมาตรการคุ้มครองนักลงทุนรายย่อยในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงก์ (Crowdfunding) ควรกำหนดให้ผู้ให้บริการคราวด์ฟันดิงก์ ต้องอำนวยความสะดวกและตั้งกองทุน ส่วนการกำกับดูแลระหว่างผลิตภัณฑ์ที่ออกและเสนอขายในและต่างประเทศ เสนอให้ สำนักงาน ก.ล.ต. สร้างความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรฐานการให้ข้อมูลของผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางโดยเฉพาะการขายผลิตภัณฑ์ต่างประเทศที่แตกต่างจากของไทย เพื่อให้นักลงทุนทราบข้อมูลความเสี่ยงแท้จริง

  1. มาตรการการพัฒนากลไกการช่วยเหลือผู้เสียหายจากการกระทำผิดคดีหลักทรัพย์ เช่น

นักลงทุนไม่ต้องสู้คดีลำพัง TDRI เสนอให้เปิดทาง คดีแบบกลุ่ม (Class Action) เพิ่มโอกาสให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรมเร็วขึ้น โดยให้มีองค์กรซึ่งมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางได้เข้ามาดำเนินคดีแทนผู้เสียหาย การกำหนดแรงจูงใจของทนายความที่เหมาะสม การสนับสนุนด้านการเงิน การจัดการ ด้านความช่วยเหลือทางกฎหมาย และปรับกระบวนการทางศาลให้มีความกระชับเท่าที่จำเป็นและเป็นธรรมต่อคู่ความ

Back to top button