
“ดาวโจนส์” ปิดเด้ง 223 จุด ขานรับความเห็น “พาวเวล” หนุนความเชื่อมั่นเศรษฐกิจสหรัฐ
“ดาวโจนส์” ปิดเด้ง 223 จุด หลังได้แรงหนุนจากเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ที่ส่งสัญญาณเชิงบวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ หนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน แม้ตลาดยังเผชิญความผันผวน
ผู้สื่อข่าวรายงาน (8 มี.ค.68) ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดบวกในวันศุกร์ (7 มี.ค.68) โดยฟื้นตัวขึ้นหลังจากร่วงลงในช่วงเช้า เนื่องจากได้แรงหนุนจากคำกล่าวของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในภาวะที่ดี อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ส่งผลให้ตลาดเผชิญกับการร่วงลงรายสัปดาห์หนักที่สุดในรอบหลายเดือน
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,801.72 จุด เพิ่มขึ้น 222.64 จุด หรือ +0.52%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,770.20 จุด เพิ่มขึ้น 31.68 จุด หรือ +0.55% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,196.22 จุด เพิ่มขึ้น 126.96 หรือ +0.70%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 2.37%, ดัชนี S&P500 ลดลง 3.1% และดัชนี Nasdaq ลดลง 3.45%
ดัชนี S&P500 ปิดสัปดาห์นี้ร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. โดยดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.ค.และต้นเดือนส.ค.ปีที่แล้ว
พาวเวลกล่าวว่า เฟดจะไม่เร่งรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย และแสดงความกังวลเกี่ยวกับนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการตัดสินใจเรื่องภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีน ทำให้ตลาดผันผวนตลอดทั้งสัปดาห์
พาวเวลเปิดเผยว่า เฟดจะดำเนินการอย่างระมัดระวังในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยระบุเสริมว่าเศรษฐกิจในปัจจุบันยังคงอยู่ในภาวะที่ดี
ราคาหุ้นลดลงในช่วงเช้าท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน แต่ดีดตัวขึ้นหลังจากการแสดงความเห็นของพาวเวล อย่างไรก็ตาม ดัชนีหลักทั้งสามตัวก็ยังคงปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนลบ
ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 นั้น กลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดได้แก่ กลุ่มสาธารณูปโภค, พลังงาน, เทคโนโลยี และอุตสาหกรรม ขณะที่กลุ่มที่ลดลงมากที่สุดได้แก่กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย, การเงิน และสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐาน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่เผยแพร่ในวันศุกร์ระบุว่า การจ้างงานในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในเดือนก.พ. แต่ตัวเลขดังกล่าวยังไม่ได้สะท้อนถึงการเลิกจ้างพนักงานของภาครัฐที่เกิดขึ้นล่าสุด ขณะที่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.1% ซึ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ
กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 151,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 159,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 125,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.1% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.0%
มอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) และโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ส่วนเมื่อวันพฤหัสบดี (6 มี.ค.68) ทรัมป์ผ่อนปรนภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นเวลา 4 สัปดาห์ ซึ่งอยู่ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังคงทำสงครามการค้ากับจีน และคาดว่าจะมีการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าเพิ่มเติมในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวนั้น หุ้น Hewlett Packard Enterprise ร่วง 12% หลังบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลกำไรประจำปีจากผลกระทบของภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ, หุ้น Costco ร่วง 6% หลังเผยผลประกอบการรายไตรมาสต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ เนื่องจากต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้น และหุ้น Broadcom พุ่งขึ้น 8.6% หลังบริษัทคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ด้านโครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์ (AI)