
WTI ปิดบวก 68 เซนต์ หลัง “ทรัมป์” ขู่คว่ำบาตร “รัสเซีย” เพิ่ม
WTI ปิดบวก 68 เซนต์ จากแรงกดดันนโยบายสหรัฐฯ หลังทรัมป์เตือนอาจคว่ำบาตรรัสเซีย ขณะโอเปกพลัสยืนยันขยายกำลังผลิตเพิ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงาน (8 มี.ค.68) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (7 มี.ค.) แต่ลดลงจากระดับสูงสุดของวัน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ขู่จะคว่ำบาตรรัสเซีย หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับยูเครน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 68 เซนต์ หรือ 1.02% ปิดที่ 67.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 1.30% ปิดที่ 70.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 3.9% ถือเป็นการร่วงลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์ของวันที่ 21 ม.ค. ส่วนราคาน้ำมันเบรนท์ลดลง 3.8% ซึ่งเป็นการร่วงลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์ของวันที่ 11 พ.ย.
ทรัมป์โพสต์บนทรูธ โซเชียล (Truth Social) ว่า เขากำลังพิจารณาอย่างจริงจังในการคว่ำบาตรธนาคารของรัสเซียและเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากรัสเซีย เนื่องจากกองทัพรัสเซียยังคงโจมตียูเครน
ในช่วงเช้าราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นสูงถึง 71.40 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนน้ำมันดิบ WTI แตะ 68.22 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจาก อเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซียเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า กลุ่มโอเปกพลัสจะเดินหน้าขยายกำลังการผลิตในเดือนเม.ย. แต่หลังจากนั้นอาจพิจารณาดำเนินมาตรการอื่น ๆ รวมถึงการปรับลดการผลิต
ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Price Futures Group กล่าวว่า ตลาดน้ำมันได้รับแรงหนุนจากข่าวเกี่ยวกับโอเปกพลัสและความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะคว่ำบาตรรัสเซีย โดยกลบข่าวอื่น ๆ ไปหมด เช่น ความล่าช้าในการเจรจาหยุดยิงถาวรระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา
จอห์น คิลดัฟฟ์ จากบริษัท Again Capital LLC กล่าวว่า ในช่วงท้ายตลาดของวันศุกร์ ราคาน้ำมันทรงตัว หลังจากเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจ โดยพาวเวลระบุว่า เฟดกำลังจับตาดูนโยบายใหม่ ๆ ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะด้านการค้า และผลกระทบที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจ
คิลดัฟฟ์กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายที่รวดเร็ว รวมถึงความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อนักลงทุน
ราคาน้ำมันเบรนท์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ธ.ค. 2564 ในวันพุธ หลังจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น และโอเปกพลัสประกาศเพิ่มโควตาการผลิต
โอเปกพลัสยืนยันเดินหน้าขยายกำลังการผลิตในเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 138,000 บาร์เรลต่อวันเข้าสู่ตลาด
ในด้านอุปทานน้ำมันนั้น สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สกอตต์ เบสเซนท์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ มีแผนลดการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านให้เหลือน้อยที่สุด
แหล่งข่าวเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันพฤหัสบดีว่า รัฐบาลทรัมป์กำลังพิจารณาแผนตรวจสอบเรือบรรทุกน้ำมันของอิหร่านในทะเล เพื่อพยายามลดการส่งออกน้ำมันของอิหร่านให้เป็นศูนย์
ตลาดโลกยังคงผันผวนจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก
เมื่อวันพฤหัสบดี ทรัมป์ประกาศระงับภาษีนำเข้า 25% สำหรับสินค้าส่วนใหญ่จากแคนาดาและเม็กซิโกไปจนถึงวันที่ 2 เม.ย.
อย่างไรก็ตาม ภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมยังคงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 มี.ค.นี้
ส่วนในสหรัฐฯ นั้น การจ้างงานเพิ่มขึ้นในเดือนก.พ. ขณะที่อัตราว่างงานขยับขึ้นเป็น 4.1% แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าและการปรับลดงบประมาณของรัฐบาลกลางอาจส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 151,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 159,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 125,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.1% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.0%