เงินหมื่น เฟส 3 มาแน่! “นายก” จ่อประชุมบอร์ด “กระตุ้นเศรษฐกิจ” พรุ่งนี้

จับตาพรุ่งนี้ “แพทองธาร ชินวัตร” เรียกประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ฟาก “กระทรงการคลัง” ชง ดิจิทัลวอลเลต เฟส 3 พร้อมคลอดมาตรการกระตุ้นอสังหา พ่วงสั่งการสรรพสามิต ศึกษาน้ำมันอากาศยานลูกผสมระหว่าง JET A-1 กับ SAF เคาะเพดานภาษีสิ้นปีนี้


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (9 มี.ค.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ เพื่อพิจารณาแพกเกจกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมและ โครงการแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเลต เฟส 3 สำหรับบุคคลทั่วไปที่ลงทะเบียนผ่าน แอปทางรัฐ ซึ่งถือเป็นประชาชนกลุ่มใหญ่ของประเทศ ในวันที่ 10 มี.ค.68

ขณะที่ ดร.เผ่าภูมิ  โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังลงพื้นที่ร่วมกับ กรมสรรพสามิต เพื่อเยี่ยมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC เพื่อศึกษาเทคโนโลยีการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) ที่จังหวัดระยอง (7 มี.ค.68) กล่าวว่า ความคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเลต เฟส3 มีการประชุมคณะอนุกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้ว (5 มี.ค.68)

ทั้งนี้ จะเปิดเผยหลังประชุมกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ วันที่ (10 มี.ค.68) ซึ่งขณะนี้ ธนาคารพาณิชย์ อยู่ระหว่างดำเนินการเชื่อมระบบเข้ากับแอปทางรัฐ โดยจะแจกเงินหมื่นในช่วงไตรมาสที่ 2/68 ผ่านระบบดิจิทัลทั้งหมด ไม่แจกเป็นเงินสด

ส่วนเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมจะหามาตรการกระตุ้น GDP ทั้งนี้ ตามปกติในช่วงปลายไตรมาส 2/68 เป็นช่วงเศรษฐกิจวัฏจักรขาลง ทำให้ทุกรัฐบาลต้องเร่งหามาตรการมากระตุ้นให้ทันในช่วงนั้น มาตรการที่มีอยู่ในมือมีทั้งผ่านสถาบันการเงิน การค้ำประกันสินเชื่อ ภาคอสังหาริมทรัพย์

“มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะไม่ใช้ในช่วงเศรษฐกิจฟู ซึ่งไตรมาส 1/68 เศรษฐกิจสูงกว่าไตรมาสสุดท้ายปี 67 ช่วงที่จำเป็นมากกว่าคือ ช่วงไตรมาส 2/68 ปลายๆ ผมคิดว่าการปล่อยค้ำประกันสินเชื่อรถกระบะมือหนึ่งผ่าน บสย.เป็นมาตรการต่อยโดนจุด ช่วยเอสเอ็มอีให้มีรถใช้เชิงพาณิชย์และช่วยบริษัทรถยนต์ให้ขายรถกระบะออกได้เร็วขึ้น ส่วนมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จะกระตุ้นช่วงปลายไตรมาส2/2568 นี้ เพราะมีทั้งเรื่องผ่อนคลาย LTV ที่ต้องพิจารณาอยู่” ดร.เผ่าภูมิ กล่าว

ดร.เผ่าภูมิ กล่าวว่า วันที่ (10 มี.ค.68) จะแถลงข่าวการมอบนโยบายกรมสรรพสามิตให้มุ่งเน้นการเก็บภาษีที่รักษาสิ่งแวดล้อมและยกระดับการปราบปรามเชิงรุก ซึ่งการลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมโรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ในเครือ ปตท. ทำให้พบว่า ที่ผ่านมาน้ำมันสำหรับเครื่องบินพาณิชย์ใช้แต่น้ำมัน JET A-1 เป็นหลัก ซึ่งก่อมลพิษทางอากาศระหว่างทำการบิน จึงต้องหาวิธีลดการใช้น้ำมัน JET A-1 ลง

โดยเบื้องต้นกรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างศึกษาโครงสร้างภาษีน้ำมัน SAF (ที่เป็นลูกผสมน้ำมันระหว่าง JET A-1กับ SAF) ซึ่งในปี ค.ศ. 2027 เครื่องบินที่จะบินเข้าสหภาพยุโรปต้องใช้น้ำมันสะอาดขึ้นโดยใช้น้ำมัน SAF ทำให้ไทยต้องปรับตัวรองรับตามความต้องการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย กลไกลการเติมน้ำมันเครื่องบินในไทยที่สะอาดจะช่วยให้ไทยเป็นผู้นำการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเป็นผู้นำการผลิตน้ำมัน SAF เพื่อใช้ในประเทศและส่งออก โดยผู้ใช้น้ำมัน SAF จะเป็นผู้เสียภาษีให้กรมสรรพสามิต

“หากเปรียบน้ำมัน JET A-1 ก็จะเหมือนน้ำมันเบนซิน แล้วน้ำมัน SAF ก็จะเหมือนน้ำมันแก๊สโซฮอล์ จะมีส่วนผสมของโมเลกุลและใช้เทคโนโลยีแปลงทำให้น้ำมันพืชใช้แล้วในอุตสาหกรรมอาหารเกิดความสะอาดขึ้น ตอนนี้พบว่า มีการแย่งซื้อน้ำมันพืชในอุตสาหกรรมอาหารแล้ว ทำให้ไม่พบว่าผู้ประกอบการร้านอาหารและภัตตาคารจะนำน้ำมันไปทอดซ้ำ เพราะเขาจะสนใจนำน้ำมันใช้แล้วไปขายโรงกลั่นจะได้ราคากว่า” ดร.เผ่าภูมิ กล่าว

ปัจจุบัน ตลาดน้ำมันพืชใช้แล้วในอุตสาหกรรมอาหารมีความต้องการของผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันสูงมาก เพื่อนำไปผลิตน้ำมันสำหรับเป็นเชื้อเพลิงเครื่องบิน (SAF) เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ในการผลิตเวลานี้เน้นเพื่อการส่งออกให้สายการบินระหว่างประเทศเป็นหลัก โดยผู้ประกอบการร้านอาหารจะได้รายได้จากการขายน้ำมันพืชใช้แล้วเป็นค่าตอบแทน ทำให้อุตสาหกรรมร้านอาหารตื่นตัวมากในขณะนี้ แต่เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมัน SAF พึ่งเริ่มเดินเครื่องโรงกลั่น ถือเป็นช่วงแรกของน้ำมัน SAF ซึ่งต่อไปกรมสรรพสามิตจะดำเนินการจัดเก็บภาษีนี้ คาดว่าปลายปี 2568 จะมีข้อสรุปเกี่ยวกับเพดานภาษี SAF

ทั้งนี้ ปัจจุบันในไทยมีผู้ประกอบการโรงกลั่นรายใหญ่ที่ผลิตน้ำมัน SAF ประมาณ 4 ราย ประกอบด้วย บริษัทในเครือ ปตท.ผ่าน  PTTGC, บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA และบริษัท เซฟรอน คอร์ปอเรชั่นผ่านบริษัท คาลเท็กซ์ และ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ซึ่ง BCP เป็นรายใหญ่ของตลาดโรงกลั่น SAF เนื่องจากควบรวมกับบริษัท เอสโซ่

Back to top button