
“บล.กรุงศรี” ชี้ SET สัปดาห์นี้ “ฟื้นตัว” จับตาเงินเฟ้อสหรัฐ-มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
บล.กรุงศรี มอง SET สัปดาห์นี้ “ฟื้นตัว” จับตาประชุมคณะรัฐมนตรีออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ฟากโบรกแนะหุ้นเด่น CPALL SCGP และ WHA จากปัจจัยเฉพาะตัว โดยมองกรอบดัชนีเคลื่อนไหวแนวรับ 1,187-1,173 จุด แนวต้าน 1,215-1,227 จุด
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้รวบรวมกลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้ระหว่างวันที่ 10-14 มี.ค.68 ซึ่งเป็นบทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ประเมินตลาดหุ้นไทย “ฟื้นตัว” ให้แนวรับ 1,187-1,173 จุด แนวต้าน 1,215-1,227 จุด ส่วนประเด็นตลาดจับตานำโดยปัจจัยภายในประเทศ ได้แก่
วันที่ 11 มี.ค. ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดการณ์ว่าจะการนำเสนอ ร่าง พ.ร.บ. ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (Landbridge) มาตรการเราเที่ยวด้วยกัน ส่วนเรื่องอื่นๆ ติดตามาตรการอุตสาหกรรมยานยนต์ อาทิ มาตรการดึง บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้ามาค้ำประกันสินเชื่อรถกระบะ, มาตรการฝั่งภาคอสังหาริมทรัพย์ และรายงานนักท่องเที่ยวต่างชาติรายสัปดาห์
ในวันที่ 13 มีนาคม ติดตามการประกาศดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งยังไม่มีตัวเลขคาดการณ์ ขณะที่ค่าก่อนหน้าอยู่ที่ 59.0 จุด
ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่มีผลต่อดัชนี SET Index อาทิ ติดตามท่าทีของ โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อแนวทางนโยบายภาษี หลังจากมีการผ่อนปรนมาตรการสำหรับแคนาดาและเม็กซิโกนอกจากนี้ ในวันที่ 12 มี.ค. มีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2568 โดยเงินเฟ้อทั่วไปยังไม่มีตัวเลขคาดการณ์ ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.0% จากปีก่อนหน้า และ 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน เทียบกับค่าก่อนหน้าที่ 3.0% จากปีก่อนหน้า และ 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน
อีกทั้งติดตามการประชุม Two Sessions ของจีนยังคงดำเนินต่อเนื่องและมีกำหนดเสร็จสิ้นในวันที่ 11 มี.ค. นอกจากนี้ ในวันที่ 9 มี.ค. มีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ประจำเดือนก.พ. 68 ซึ่งยังไม่มีตัวเลขคาดการณ์ โดยค่าก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 0.5% จากปีก่อนหน้า
ระหว่างวันที่ 11-18 มี.ค. ติดตามการประกาศยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) สะสมตั้งแต่ต้นปี ประจำเดือนก.พ.68
ส่วนวันที่ 10 มี.ค. ติดตามการประชุม Eurogroup Meeting ซึ่งเป็นการหารือระหว่างรัฐมนตรีคลังของกลุ่มยูโรโซนเกี่ยวกับประเด็นเศรษฐกิจและนโยบายการเงินในภูมิภาค
นอกจากนี้ นักลงทุนควรติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของญี่ปุ่น โดยในวันที่ 11 มี.ค. มีการประกาศตัวเลข GDP Growth ไตรมาส 4/67 (รอบสุดท้าย) ซึ่งตลาดคาดว่าจะขยายตัว 0.7% เทียบกับค่าก่อนหน้าที่ ขยายตัว 0.3% และวันที่ 12 มี.ค. ติดตามตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน และ 4.2% จากปีก่อนหน้า
ส่วนกลยุทธ์สำหรับการลงทุน ฝ่ายนักวิเคราะห์แนะนำหุ้นเด่นในสัปดาห์นี้ คือ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL คาดการณ์กำไรจะเติบโตต่อเนื่องที่ 15% ในปี 68 โดยมี PER 25F อยู่ที่ 18 เท่า เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 25 เท่า ให้ราคาพื้นฐาน 80 บาท
บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ถือเป็นหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง (Deep Value) พร้อมลุ้นปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของเงินเฟ้อในจีนที่อาจเร่งตัวขึ้น โดยให้ราคาพื้นฐาน 19 บาท
และ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เป็นหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง (Deep Value) พร้อมแรงหนุนจากแผนการชะลอการนำ WHAID เข้าตลาดหุ้น ให้ราคาพื้นฐาน 6.4 บาท
ขณะที่ สัปดาห์ก่อน หุ้นแนะนำ ได้แก่ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH, บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH และ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ซึ่งให้ผลตอบแทนเฉลี่ย -5.42% เทียบกับดัชนีฯ ที่ให้ผลตอบแทนลบ 0.14%
สุดท้ายนี้ แนะนำนักลงทุนติดตามทิศทาง “ฟันด์โฟลว์” สัปดาห์ที่แล้วเงินทุนไหลออก (หุ้น+พันธบัตร) ภูมิภาค Asia (exJ) -4,284 ล้านเหรียญฯ ไทยเงินไหลเข้า 728.5 ล้านเหรียญฯ (ขายหุ้น 129 ล้านเหรียญฯ ซื้อพันธบัตร 857.5 ล้านเหรียญฯ) เงินบาทแข็งค่า w-w ที่ 33.6 +/-บาท