
“ดาวโจนส์” ปิดร่วง 890 จุด กังวล “มาตรการภาษี” ฉุดเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย
“ดาวโจนส์” ปิดร่วง 890.01 จุด วิตกมาตรการภาษีศุลกากรและความเป็นไปได้ที่จะมีการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันจันทร์ (10 มี.ค.) เนื่องจากมาตรการภาษีศุลกากรและความเป็นไปได้ที่จะมีการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หรือชัตดาวน์ ได้ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอย
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,911.71 จุด ลดลง 890.01 จุด หรือ ลบไป 2.08%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,614.56 จุด ลดลง 155.64 จุด หรือ ลบไป 2.70% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,468.32 จุด ลดลง 727.90 จุด หรือ ลบไป 4.00%
ส่วนนักวิเคราะห์จากหลายสำนักได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยโกลด์แมน แซคส์ปรับเพิ่มโอกาสที่สหรัฐฯ จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็น 20% จากเดิมที่ระดับ 15% โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของปธน.ทรัมป์และเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อการจ้างงานและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ขณะที่มอร์แกน สแตนลีย์ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ ในปี 2568 ลงสู่ระดับ 1.5% จากเดิมที่ระดับ 1.9% เนื่องจากผลกระทบของนโยบายการค้าและการควบคุมผู้อพยพเข้าประเทศมีความรุนแรงมากกว่าที่ประเมินไว้
สำหรับหุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลง 4.34% ตามด้วยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 3.90% ส่วนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น 1.04% และ 0.95% ตามลำดับ
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกเทขายอย่างหนัก เนื่องจากผลกระทบของเงินเยนที่แข็งค่าและการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่น หลังจากนักลงทุนได้ลดการทำ Carry Trade ในสกุลเงินเยน ท่ามกลางความหวังที่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้
ทั้งนี้ ธุรกรรม Carry Trade คือการที่นักลงทุนกู้ยืมสกุลเงินเยนซึ่งมีต้นทุนต่ำ เพื่อนำไปซื้อสกุลเงินหรือสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า ซึ่งการลดการทำ Carry Trade ได้ส่งผลให้เกิดแรงเทขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงหุ้น 7 บริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง หรือกลุ่ม “Magnificent Seven”
หุ้นเทสลา (Tesla) ร่วงลง 15.4% ซึ่งเป็นการดิ่งลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2563 เนื่องจากความเชื่อมั่นที่มีต่อเทสลาลดน้อยลง หลังจากกระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล (DOGE) ภายใต้การบริหารของอีลอน มัสก์ ได้ทำการปลดพนักงานของรัฐและลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล