XO มั่นใจรายได้ปี 68 โต 2 หลัก ลุยตลาด “เกาหลี”- สร้างโรงงานใหม่ หนุนยอดขายแกร่ง

XO มั่นใจปีนี้กลับมาโต 2 หลัก เร่งเดินหน้าปรับกลยุทธ์ สร้างโรงงานใหม่ ลุยขยายตลาดเกาหลี ดึงซีรีส์เกาหลีหนุนแบรนด์แกร่งขึ้น พร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่ ขณะที่ตลาดแคนาดาเริ่มฟื้น อาจช่วยพยุงยอดขายไตรมาส 1/68 ยังคงมุ่งเป้า Net Zero ปี 93


นายจิตติพร จันทรัช กรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 10 มี.ค.68 ว่า ผลประกอบการปี 67 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 790.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.73% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 785.04 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการขายสินค้าอยู่ที่ 2,478.91 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้ในทวีปยุโรปและทวีปอื่นๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนขายลดลง

สำหรับแผนการเติบโตของยอดขายในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าว่ายอดขายจะไม่ต่ำกว่าปีก่อน โดยเหตุผลหลักมาจากตลาดอเมริกาเหนือที่มีสัดส่วนน้อยในปี 2567 ขณะที่ตลาดอื่นๆ มีการเติบโต หากแนวโน้มดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไป ยอดขายรวมของบริษัทก็คาดว่าจะอยู่ในระดับที่ดี บริษัทจะประกาศเป้าหมายยอดขายที่ชัดเจนอีกครั้งหลังจากงบไตรมาส 2/2568 ออกมาในเดือนสิงหาคม 2568 เพื่อประเมินแนวโน้มครึ่งปีแรกและคาดการณ์ครึ่งปีหลัง

ทั้งนี้ ในส่วนของแผนการสร้างโรงงานใหม่ ยืนยันว่าจะเริ่มดำเนินการภายในปลายปี 2568 โดยมีระยะเวลาการก่อสร้างคาดว่าจะไม่เกิน 18 เดือน ปัจจุบันบริษัทกำลังพิจารณาเลือกใช้เครื่องจักรสำหรับโรงงานใหม่ และจะแจ้งความคืบหน้าเพิ่มเติมเมื่อมีรายละเอียดชัดเจน

ด้านยอดขายในตลาดยุโรปพบว่ามีความผันผวนเป็นวัฏจักร อันเกิดจากการคาดการณ์คำสั่งซื้อของลูกค้าที่อาจคลาดเคลื่อน รวมถึงการทำโปรโมชั่นของบริษัท อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารคาดการณ์ว่าแนวโน้มยอดขายในยุโรปช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 จะใกล้เคียงกับช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 และมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว

นายจิตติพร กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ประมาณ 5-8 รายการต่อปี แต่จะไม่เปิดเผยรายละเอียดจนกว่าพร้อมจำหน่าย ทั้งนี้ บริษัทพัฒนาซอสประเภทอื่นๆ นอกเหนือจากซอสศรีราชา แต่ยังไม่ต้องการเปิดเผยรายละเอียดเพื่อลดความเสี่ยงจากการลอกเลียนแบบ

โดยผู้บริหารเชื่อมั่นว่ายอดขายจะสามารถกลับไปเติบโตในระดับสองหลักได้ เนื่องจากมีการขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องและตลาดโดยรวมมีการเติบโต สถิติในอดีตบ่งชี้ว่ายอดขายและกำไรของบริษัทมีการเติบโตเฉลี่ยเกินสองหลักในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ในปี 2568 บริษัทให้ความสำคัญกับทุกตลาดที่ดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะตลาดหลักที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง รวมถึงตลาดใหม่ๆ ที่สามารถขยายได้เพิ่มเติม ยอดขายที่เติบโตขึ้นในปี 2567 ส่วนใหญ่มาจากตลาดนอกสหรัฐอเมริกา ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งในหลายภูมิภาค

สำหรับต้นทุนการผลิตในปี 2568 ราคาวัตถุดิบหลัก เช่น พริก มีการปรับขึ้นไม่มากนักหลังจากที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาน้ำตาลมีแนวโน้มลดลง ซึ่งอาจช่วยลดต้นทุนการผลิตโดยรวมของบริษัท

“อย่างไรก็ดี บริษัทได้เข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนซีรีส์เกาหลีเพื่อโปรโมทสินค้า เนื่องจากซีรีส์เกาหลีได้รับความนิยมในหลายประเทศ รวมถึงตลาดตะวันตก การสนับสนุนดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่การสร้างการรับรู้แบรนด์มากกว่าการเพิ่มยอดขายในเกาหลีเพียงอย่างเดียว ปัจจุบันบริษัทมีการจำหน่ายสินค้าในเกาหลีมาแล้วประมาณ 2-3 ปี แม้ยอดขายยังไม่สูงมากนัก แต่มีแผนจะขยายตลาดโดยใช้ประโยชน์จากซีรีส์และการจ้างอินฟลูเอนเซอร์ ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะนำคอนเทนต์จากซีรีส์ไปใช้โปรโมทสินค้าในตลาดยุโรปเพิ่มเติม” นายจิตติพร กล่าว

นายจิตติพร กล่าวต่อว่า บริษัทอยู่ระหว่างการทดลองการผลิตสินค้ารายการใหม่ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายเดือนมีนาคมหรือต้นเดือนเมษายน 2568 และสามารถเริ่มใช้สายการผลิตใหม่ได้หลังจากนั้น

ตลาดสหรัฐอเมริกายังคงมีความท้าทายจากปัญหาสินค้าคงคลังของผู้จัดจำหน่าย ส่งผลให้ต้องใช้เวลาในการปรับสมดุล อย่างไรก็ตาม ตลาดแคนาดาเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น ขณะที่แนวโน้มยอดขายในไตรมาส 1 ปี 2568 คาดว่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 4 ปี 2567 แต่จะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2567 เนื่องจากไตรมาสแรกของปีก่อนมียอดขายที่สูงเป็นพิเศษ

บริษัทมีผู้จัดจำหน่ายมากกว่า 100 รายในหลายประเทศ โดยตลาดหลักอยู่ในยุโรปและโอเชียเนีย ซึ่งประกอบด้วยเยอรมนี เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหราชอาณาจักร

สำหรับตลาดนิวซีแลนด์มีการเติบโตที่ดี โดยยอดขายในปี 2567 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปี 2566 ผู้จัดจำหน่ายในนิวซีแลนด์มั่นใจว่าตลาดยังสามารถขยายตัวได้อีกเท่าตัว โดยเฉพาะใน North Island ที่ยังไม่ได้รับการเข้าถึงอย่างทั่วถึง

“บริษัทประกาศเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยตั้งเป้าหมายเป็น Net Zero ภายในปี 2593 ตามพันธสัญญาขององค์กร ผู้บริหารเน้นย้ำว่าการตั้งเป้าหมายดังกล่าวเป็นการแสดงความมุ่งมั่นที่จะนำไปสู่การปฏิบัติจริง โดยปัจจุบันบริษัทได้เริ่มดำเนินการเพื่อขอมาตรฐาน ISO 14081 ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งจะดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน” นายจิตติพร กล่าวทิ้งท้าย

Back to top button