GCAP GOLD แนะนำรอจังหวะซื้อ “ทองคำ” กรอบ 46,700-46,800 บาท

GCAP GOLD คาดราคาทองคำผันผวน แนะนำให้รอจังหวะซื้อทองในกรอบราคา 46,700-46,800 บาท หลังสหรัฐฯ-จีนมีความเสี่ยงจากมาตรการภาษี และติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) สหรัฐฯ ที่อาจหนุนราคาทองคำในระยะสั้น


บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD ประเมินทิศทางราคาทองคำมีความผันผวน โดยได้มีการปรับตัวจาก 2,859 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นมาแตะระดับสูงสุดที่ 2,930 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยการบังคับใช้มาตรการภาษีของสหรัฐฯ กับ แคนาดา เม็กซิโก และจีน ประกอบกับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาด และอัตราการว่างงานที่ขยับจาก 4.0% ขึ้นมาเป็น 4.1% ก่อนที่จะมาปรับตัวลงในช่วงปิดตลาดที่ระดับ 2,910 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากประธานเฟด ได้ออกมาพูดว่า “เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่งและอยู่ในสภาวะปกติ จึงยังไม่เร่งรีบลดอัตราดอกเบี้ย” โดยเฟด อยู่ระหว่างการประเมินนโยบายเชิงรุกของประธานาธิบดีทรัมป์ ว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร ก่อนที่จะมีการพิจารณาดำเนินการเรื่องอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง

นอกจากนี้ยังคงต้องติดตามประเด็นภาษีการค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อต้นสัปดาห์ (10 มี.ค.68) ทางจีนได้เริ่มบังคับใช้ภาษี 10% กับสินค้าเกษตรรวมถึงอาหารจากสหรัฐฯ ซึ่งคงต้องรอดูท่าทีของสหรัฐฯ ว่าจะออกมาตรการตอบโต้เพิ่มเติมหรือไม่ และอาจนำไปสู่มาตรการภาษีอื่นๆ ในระยะเวลาอันใกล้ หากเกิดการตอบโต้ขึ้น จึงเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อราคาทองคำอีกด้านหนึ่งที่ต้องจับตา และในวันเดียวกันทางประธานาธิบดีเซเลนสกีผู้นำยูเครน มีการเดินทางไปยังประเทศซาอุดีอาระเบีย และจะมีการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ และยูเครน ซึ่งอาจเป็นการปูทางสู่การพบกันระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีเซเลนสกีอีกครั้ง

และในช่วงกลางสัปดาห์ (12 มี.ค.68) ต้องติดตามการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ของสหรัฐฯ ซึ่งตัวเลขคาดการณ์มองว่าจะปรับตัวจาก 3.0% ลงมาอยู่ที่ 2.9% หากลดลงตามคาด ก็จะส่งผลในเชิงบวกต่อราคาทองคำ

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนสำหรับราคาทองคำในตลาดโลก รอย่อแล้วหาจังหวะ OPEN LONG  Gold spot ในกรอบราคา 2,880-2,865 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนราคาทองคำไทยไม่ควรหลุดกรอบ 46,000-45,900 บาท ซึ่งการลงทุนระยะสั้นในรอบสัปดาห์สามารถพิจารณาจุดดังกล่าวเป็นแนวเข้าซื้อ แต่หากราคาหลุดแนวรับดังกล่าว ควรลดสถานะ Long เพื่อหาจังหวะตั้งรับใหม่ในโซนราคาที่ต่ำกว่า โดยเว้นช่วงห่างไม้ละ 300-500 บาท ส่วนเป้าหมายในการทำกำไรเบื้องต้นประเมินไว้ที่ 46,700-46,800 บาท

Back to top button