SIRI ลุยผุด 29 โครงการใหม่ เน้นตลาด “พรีเมียม” มูลค่า 5.2 หมื่นล้าน

SIRI กางแผนปี 68 ลุยผุด 29 โครงการใหม่ 5.2 หมื่นล้านบาท เน้นเจาะตลาดพรีเมียม-ทำเลศักยภาพกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 85% ต่างจังหวัด 15% ตั้งเป้ายอดโอนแตะ 4.6 หมื่นล้านบาท รับปัจจัยบวกดอกเบี้ยขาลง-มาตรการรัฐช่วยหนุน พร้อมเคาะปันครึ่งปีหลัง 0.08 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD วันที่ 17 มี.ค.จ่าย 20 พ.ค.68


นายอุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 11 มีนาคม 2568 ว่า ผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 39,205 ล้านบาท โต 2% จากปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ในปี 2567 บริษัทฯมีการบันทึกกำไรจากการขายที่ดินจำนวน 466 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯมีกำไรสุทธิจำนวน 5,253 ล้านบาท

โดยในในปีที่ผ่านมาบริษัทฯประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดตัวโครงการใหม่ 43 โครงการ รวมมูลค่า 46,500 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 23 โครงการ และคอนโดมิเนียม 20 โครงการ โดยมีสัดส่วนโครงการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 60% และต่างจังหวัด 40%

สำหรับปี 2568 บริษัทเน้น 4 กลยุทธ์หลักเพื่อให้ผลงานตามแผนได้แก่ 1.เร่งสานต่อความสำเร็จของโครงการระดับมีเดียมม และพรีเมียม ,2.เร่งเปิดตัวคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯเพิ่มมากขึ้นเพื่อสร้าง Backlog และสร้างรายได้ในระยะยาว เนื่องจากปัจจุบันคอนโดในกรุงเทพฯและกำลังจะโอนเหลือน้อยแล้ว, 3.เดินหน้าพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นจังหวัดที่มีเรื่องของการท่องเที่ยวเป็นหลัก และ4.ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในการพัฒนาโครงการร่วมกัน

ส่วนปีนี้บริษัทวางแผนเปิดตัว 29 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 52,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบ 14 โครงการ และคอนโดมิเนียม 15 โครงการ โดยในปีนี้จะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมเป็นหลัก โดยแบ่งเป็นสัดส่วนโครงการในในกรุงเทพฯและปริมณฑลอยู่ที่ 85% และต่างจังหวัด 15%

โดยในไตรมาส 1/2568 จะเปิดโครงการทั้งหมด 11 โครงการ มูลค่า 13,340 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 3 โครงการ ได้แก่ โครงการเศรษฐสิริ มหาเจษฎาบดินทร์, เอลซ์ แบริ่ง 32 และ อณาสิริ รัตนาธิเบศร์ และคอนโดมิเนียม 8 โครงการ ได้แก่ พีทีวาย เรสซิเดนซ์ สาย 1 , เดอะ เบส รัชดา 19,เดอะ เบส รัช เชิงทะเล (ภูเก็ต), เดอะ มูฟ ประดิพัทธ์, ดีคอนโด คีรี (ใกล้โรงพยาบาลศิริราช), ดีคอนโด วิวิด(ตรงข้ามมหาวิทยาลัยกรุงเทพ), ดีคอนโด ขอนแก่น,เวย์ โพธิสาร 2 (พัทยา)

“ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้คาดว่าจะไม่แตกต่างจากปีก่อนมากนัก ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2568 มีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมหลายตัว เช่น เดอะ มูฟ ประดิพัทธ์, ดีคอนโด ขอนแก่น และ โครงการพีทีวาย เรสซิเดนซ์ สาย1(พัทยา)โควต้าชาวต่างชาติขายหมดแล้ว 100% เชื่อว่าในไตรมาส 1 ยอดพีเซลน่าจะได้ตามเป้า อีกทั้งปัจจัยบวกที่สนับสนุน ได้แก่ ดอกเบี้ยขาลงและนโยบายของภาครัฐในการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์จะหนุนให้ยอดขายเข้าเป้า” นายอุทัย กล่าวเพิ่มเติม

โดยในปี 2568 ตั้งเป้ายอดขายสุทธิอยู่ที่ 46,000 ล้าน บาท และยอดโอนรวมโครงการ JV อยู่ที่ 46,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นตามสัดส่วนของแสนสิริประมาณ 37,000 ล้านบาท และของกลุ่ม JV ประมาณ 9,000 ล้านบาท และในปี 2568 การเติบโตของตัวธุรกิจยังคงมาจากการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักโดยมีสัดส่วนประมาณ 85-90% ของรายได้รวม

นอกจากนี้ในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายต่างชาติอยู่ที่ 7,000 ล้านบาทซึ่งสูงกว่าปี 2567 ที่ทำได้ประมาณ 6,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันมียอดขายให้ชาวต่างชาติไปแล้วประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งมาจากโครงการ PTY Residence ที่พัทยา ซึ่งขายโควต้าต่างชาติหมด 100% คิดเป็นมูลค่า 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้แสนสิริจะประเมินสถานการณ์อีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลังและอาจมีการปรับเป้าหมายเพิ่มขึ้นหากตลาดดีขึ้น

ทั้งนี้ ณ เดือนมีนาคม 2568 บริษัทฯมียอดขายสะสม 9,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 21% ของเป้าหมาย ขณะที่ยอดโอนสะสมอยู่ที่ 3,600 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8% ของเป้าหมาย ขณะที่ Backlog รวมอยู่ที่ 17,800 ล้านบาท โดยะปัจจุบันมีโครงการที่ยังเปิดขายอยู่ในทั้งหมด 143 โครงการ มูลค่าประมาณ 96,000 ล้านบาท

ส่วนนโยบายการจ่ายปันผล ที่ประชุมบอร์ดมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลัง 0.08 บาท รอที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติในวันที่ 30 เมษายน 2568 โดยวันขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 17 มีนาคม และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 โดยคิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทนทั้งปีประมาณ 9%

Company Snapshot

Back to top button