จับตา “หุ้นเรือ” หลังโบรกชี้ปีนี้ “ค่าระวาง” ขาลง!

โบรกแนะถือ “หุ้นเรือ” หลังทิศทางอัตราค่าระวางเรืออยู่ในช่วงขาลงจากอุปสงค์อ่อนแอ ส่วนอุปทานขนส่งเพิ่มขึ้น โดยแนะถือ PSL ราคาพื้นฐาน 6.40 บาท ส่วน TTA ให้ราคาพื้นฐาน 4.48 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (13 มี.ค.68) อัตราค่าระวางเรือในปี 2568 จะยังคงมีแนวโน้มลดลง จากอุปทานส่วนเกินของเรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ที่มีมากขึ้น โดยข้อมูลจาก สมาคมการเดินเรือระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก (Baltic and International Maritime Council) BIMCO เปิดเผยรายงานเดือน ธันวาคม 2567 คาดว่าในปี 2568 ความต้องการในการขนส่งคาดว่าจะเติบโตขึ้น 18-19% ในขณะที่อุปทานคาดเติบโตในอัตราที่ช้ากว่าที่ 12% อย่างไรก็ตามความต้องการคาดว่าจะเติบโตเพียง 3-4% ในปี 2568 ขณะที่อุปทานจะเติบโตที่ 5.8%

ขณะที่ จากข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS ระบุว่า ปกติแล้ว ทุกการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง (Disruptions) มักส่งผลบวกต่ออัตราค่าระวางเรือในระยะสั้น อาทิ กรณี การกีดกันการค้า หรือ ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศต่างๆ ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ผู้นำเข้าเร่งรับสั่งสินค้าก่อนที่ภาษีจะถูกปรับขึ้น แต่ในระยะยาวกว่านั้นส่งผลลบเพราะทำให้เกิดความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจ การค้าโลกชะลอตัว และการย้ายฐานการผลิต ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบต่อ ความต้องการ (demand) ในการขนส่งสินค้าเทกอง

แต่ถึงแม้ไม่มีประเด็นความขัดแย้งทางการค้าของอภิมหาอำนาจของโลก ฝ่ายนักวิเคราะห์เชื่อว่าอัตราค่าระวางเรือเทกองในปี 2568 อยู่ในทิศทางขาลง จากความไม่สมดุลของอปสงค์และอุปทาน โดยอุปทานของเรือเทกองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 2.9% จากปีก่อนหน้า อ้างอิงการคาดการณ์ของ Clarksons Research ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นจากเดือน มิถุนายน 2567 ที่คาดว่าอุปทานปีนี้จะเพิ่มขึ้น 2.6%

ในขณะที่อุปสงค์ความต้องการของเรือเทกองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเพียง 1.1% จากปีก่อนหน้า แม้จะพิจารณาเฉพาะในกลุ่มของเรือ Minor bulk ซึ่งเรือของ PSL และ TTA อยู่ในกลุ่มนี้ Clarksons Research ประเมินว่าอุปสงค์ของเรือ Minor bulk ในปี 2025 จะเติบโตดีกว่าคือ 2.3% จากปีก่อนหน้า แต่อุปทานก็เพิ่มในอัตราเร่งมากกว่าคือ 4.3% จากปีก่อนหน้า

ด้านดัชนี BSI ปัจจุบัน อยู่ที่ 864 จุด (10 มีนาคม 2568) ยังคงลดลง 6.4% การสั่งต่อเรือใหม่ (Orderbook) ในปัจจุบันที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 10.6% ของกองเรือโลก ในขณะที่เรือที่อายุเกิน 20 ปี ซึ่งจะต้องนำออกจากมหาสมุทรมีสัดส่วน 9.8% ของกองเรือโลก

ประกอบกับกฎระเบียบที่เข้มข้อของ EEXI และ CII ช่วยจำกัด Supply ของเรือและช่วยจำกัดการร่วงลงแรงของค่าระวางเรือ แต่ด้วย (demand) ที่อ่อนแอ (PMI ภาคการผลิตของจีนยังคงขึ้นลงอยู่บริเวณ 50 +/-) และความไม่แน่นอนของการค้าโลกในยุค Trump 2.0

โดยปัจจัยดังกล่าว ทำให้ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอัตราค่าระวางเรือในปี 2568 มีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้กำไรปกติของกลุ่มธุรกิจเรือเทกองในปีนี้มีโอกาสลดลง 18.2% จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรจะเริ่มฟื้นตัว 13.9% จากปีก่อนหน้า ในปี 2569 และเติบโตต่อเนื่อง 3.9% จากปีก่อนหน้า ในปี 2570 ส่งผลให้กำไรปกติของกลุ่มเติบโตเฉลี่ย 8.8% ต่อปี (CAGR) ในช่วงปี 2568-2570

ขณะที่ ปัจจุบัน หุ้นของบริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL และ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA ซื้อขายในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม (Book value) ถึง 60-70% ถูกกว่าในอดีตมากแต่ ซึ่งฝ่ายนักวิเคราะห์ยังไม่เห็นการเร่งตัว (catalyst) ซึ่งในระยะสั้นจึงยังคงแนะนำถือทั้งคู่ โดย PSL แนะนำถือให้ราคาพื้นฐาน 6.40 บาท ส่วน TTA ให้ราคาพื้นฐาน 4.48 บาท

Back to top button