
PTT ดึงกลุ่ม “จีน-อาหรับ” ร่วมทุน “โรงกลั่น-ปิโตรเคมี” ดีลจบปีนี้! ย้ำนโยบายปันผลสูง
ปตท. จ่ายเงินปันผลสุดหรู ปี 67 ทำนิวไฮ 2.1 บาทต่อหุ้น “คงกระพัน” มองราคาหุ้น PTT ลดลง เหตุภาวะตลาดผันผวน-ราคาน้ำมันดิ่ง ยันฐานะบริษัทยังคงแข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าเพิ่ม EBITDA แตะ 3 หมื่นล้านบาท ดึงกลุ่มทุนจีน-อาหรับ ร่วมแชร์ธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี ได้ข้อสรุปปีนี้
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ราคาหุ้น PTT ที่ปรับตัวลดลงช่วงที่ผ่านมา สาเหตุเป็นเพราะภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวน และราคาน้ำมันลดลง อย่างไรก็ตาม ปตท. มุ่งเน้นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจ เพื่อเพิ่ม EBITDA ผ่านกลยุทธ์ในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยในระยะสั้นปตท.ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างธุรกิจ Non-Hydrocarbon ตามแผนงานที่กำหนด พร้อมเดินหน้าโครงการ D1-Domestic Products Mgmt ซึ่งตั้งเป้าสร้างมูลค่าเพิ่มประมาณ 3,300 ล้านบาทต่อปี ภายใน 3 ปี
นอกจากนี้ โครงการ MissionX-Operational Excellence มีเป้าหมายเพิ่ม EBITDA ของกลุ่มปตท.ประมาณ 30,000 ล้านบาท ภายในปี 2569 ขณะเดียวกันปตท.ยังให้ความสำคัญกับการ Digital Transformation เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน คาดว่าการปรับปรุงกระบวนการผลิตจะช่วยเพิ่ม Productivity ประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี ภายในปี 2569
สำหรับระยะกลาง ปตท. วางแผน Reshape P&R Portfolio และพัฒนา LNG Hub เพื่อเสริมความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ขณะที่ระยะยาว บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการพลังงานสะอาด อาทิ CCS (Carbon Capture and Storage) และไฮโดรเจน เพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานที่ยั่งยืน
ในส่วนของธุรกิจ Petrochemical บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรหลายรายในทิศทางที่ดี ขณะที่ธุรกิจสำรวจและผลิตทรัพยากรธรรมชาติยังคงต้องการพาร์ตเนอร์เพื่อร่วมลงทุนในโครงการต่าง ๆ ซึ่งต้องใช้งบประมาณสูง ทั้งนี้ธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นอยู่ระหว่างหาพาร์ตเนอร์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลักของบริษัทสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
“ตอนนี้อยู่ระหว่างการเจรจาไว้หลายราย มีทั้งจีนและตะวันออกกลาง” นายคงกระพัน กล่าว
ปตท.ดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ใหม่ที่กลับมาเน้นธุรกิจหลัก Hydrocarbon ที่ถนัดและเชี่ยวชาญ ทบทวนกลยุทธ์ Non-Hydrocarbon เน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้อง มี Synergy ในกลุ่มปตท. รวมถึงเน้นการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน ยกระดับความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน บริหารต้นทุนด้วยการทำ Operational Excellence ทั้งกลุ่มปตท. นำ digital มาใช้
นายคงกระพัน กล่าวว่า ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง เกิดจากบริหารจัดการและรวมพลังในองค์กร มีกำไรหลักมาจากธุรกิจต้นน้ำ หรือ Upstream แม้ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาครัฐมาชดเชยกับธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลาย หรือ Downstream ที่ได้รับความกดดันจากปัจจัยด้านราคา แต่เรื่องสำคัญคือการบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายทั้งกลุ่ม ปตท. รวมถึงการบริหารรายการพิเศษและบริหารผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนและเงินกู้ได้ดี
สำหรับแผนงานหลักระยะ 1-5 ปี บริษัทวางงบลงทุนด้วยวงเงิน 55,000 ล้านบาท ซึ่งในปี 2568 ปตท.กำหนดวงเงินที่ 25,000 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนอยู่ที่ 26,000 ล้านบาท โดยเน้นธุรกิจก๊าซฯ และและสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติ (Infrastructure) ขณะที่บางส่วนจัดสรรงบให้กับธุรกิจ Trading
บริษัทยังมุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางพลังงาน สร้างการเติบโตควบคู่กับการลดก๊าซเรือนกระจก ต้องสร้างความแข็งแรงภายในองค์กร ลดความเสี่ยง รักษาเสถียรภาพให้กับธุรกิจ พิจารณาการลงทุนด้วยความระมัดระวัง พร้อมดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนอย่างสมดุล พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน
นายรัฐกร กัมปนาทแสนยากร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ความยั่งยืนองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า PTT จะพยายามรักษาระดับการจ่ายเงินปันผลในระดับสูงต่อไป หลังจากที่ปี 2567 ปันผลในระดับ 2.1 บาทต่อหุ้น
สำหรับสถิติการจ่ายปันผลของ PTT ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ระหว่างปี 2564-2567 โดยจ่ายปีละ 2 ครั้ง พบว่าปี 2564-2566 จ่ายที่อัตรา 2 บาทต่อหุ้น และล่าสุดปี 2567 จ่ายในอัตรา 2.1 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นนิวไฮของบริษัทบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผล ไม่ต่ำกว่า 25% ของกำไรสุทธิที่เหลือหลังหักเงินสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและบริษัทได้กำหนดไว้ โดยพิจารณาจากกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมของบริษัท