
เปิดรายชื่อ “บจ.” ถูกตลท. ขึ้นเครื่องหมาย C เตือนนักลงทุนระวังความเสี่ยง
เปิดโฉมหน้า “บริษัทจดทะเบียน” ถูกตลท. ขึ้นเครื่องหมาย C เตือนนักลงทุนระวังความเสี่ยงจากปัญหาฐานะการเงินและการดำเนินงาน พร้อมอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าหุ้นและผลตอบแทน
การลงทุนในตลาดหุ้นเป็นกิจกรรมที่ต้องอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลและการติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนักลงทุนจำเป็นต้องศึกษาพัฒนาการและผลการดำเนินงานของบริษัทที่ลงทุน เพื่อให้สามารถถือครองหุ้นได้อย่างมั่นใจ หรือปรับกลยุทธ์การลงทุนได้ทันทีเมื่อพบสัญญาณเชิงลบที่อาจส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนและมูลค่าการลงทุน
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีมาตรการช่วยเหลือนักลงทุนโดยกำหนด “เครื่องหมาย C” ต่างๆ ที่ห้อยท้ายหลังชื่อหุ้น ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกถึงความเสี่ยงจากปัญหาฐานะการเงิน ปัญหาผลการดำเนินงาน ปัญหาการไม่ปฏิบัติตามเกณฑ์ หรือปัญหาสภาพคล่อง ผลดังกล่าวทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้จัดกลุ่มสาเหตุเหล่านี้และแบ่งออกเป็น 4 เครื่องหมายหลักที่ใช้เตือนนักลงทุน
1.เครื่องหมาย CB (Business) ปัญหาฐานะการเงินหรือการดำเนินงาน อาทิ ส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity) ต่ำกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว ศาลรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการหรือล้มละลาย ถูกสั่งให้แก้ไขฐานะทางการเงินหรือการดำเนินงาน ขาดทุนต่อเนื่อง 3 ปี จน Equity น้อยกว่าทุนชำระแล้ว การไม่มีธุรกิจโดยมีรายได้จากการดำเนินงานต่อปี ต่ำกว่า 100 ล้านบาท (SET) และ 50 ล้านบาท (mai) รวมถึงการผิดนัดชำระหนี้กับสถาบันการเงินหรือหุ้นกู้
ทั้งนี้ หากไม่สามารถแก้ไขได้ตามกำหนด จนทำให้ Equity ติดลบ หรือรายได้จากการดำเนินงานทั้ง 3 ปี น้อยกว่าที่กำหนด จะถูกขึ้นเครื่องหมาย SP แทน และนำไปสู่การเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน
2.เครื่องหมาย CS (Financial Statement) ปัญหางบการเงิน ทั้งในส่วนของผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็น สำนักงาน ก.ล.ต. สั่งแก้ไขงบการเงิน หรือสั่งให้ทำ Special Audit
ทั้งนี้ การที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็น 3 ปี หรือไม่ส่งงบที่ ก.ล.ต. สั่งแก้ไข / รายงาน Special Audit เกิน 6 เดือน ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นเครื่องหมาย SP แทน และเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน
3.เครื่องหมาย CC (Non-Compliance) ไม่ปฏิบัติตามเกณฑ์ อาทิ การเป็น Cash company หรือ Audit Committee ไม่ครบเกิน 3 เดือน
ทั้งนี้ หากแก้ไขการเป็น Cash company ไม่ได้ภายใน 6 เดือน รวมถึงกรณีของ Audit Committee ไม่สามารถแก้ไขได้ภายใน 6 เดือน ก็จะถูกขึ้นเครื่องหมาย SP แทน และเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน
4.เครื่องหมาย CF (Free Float) จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่เป็นไปตามเกณฑ์ ซึ่งทาง Free Float ต้องมากกว่าหรือเท่ากับ 15% และมากกว่าหรือเท่ากับ 150 ราย โดยจะต้องแก้ไขให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 1 ปี หากแก้ไขไม่ได้ตามที่เกณฑ์กำหนด ก็จะถูกขึ้นเครื่องหมาย SP แทน และเพิกถอนเมื่อ SP ครบ 1 ปี
อย่างไรก็ตาม หุ้นที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB, CS, CF และ CC จะต้องซื้อด้วยบัญชีแคชบาลานซ์ (Cash Balance) เท่านั้น คือต้องวางเงินสดไว้กับโบรกเกอร์เต็มจำนวนก่อนซื้อ และเครื่องหมายเหล่านี้จะขึ้นไว้จนกว่าบริษัทจะแก้ไขเหตุที่เกิดขึ้นได้แต่ไม่เกินระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งหากแก้ไขเหตุไม่ได้อาจนำไปสู่การเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน
สำหรับยอดรวมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ซึ่งข่าวหุนธุรกิจออนไลน์ได้รวบรวมข้อมูล ณ วันที่ 14 มีนาคม 2568 จากเว็บไซต์ “SETSMART” พบว่า มีบริษัทที่ติดเครื่องหมาย C แยกเป็น 4 เครื่องหมายดังนี้
โดยหลักทรัพย์ที่ติดเครื่องหมาย CB (Business) อาทิ AE, AKS, B52, BROCK, BYD, CHO, CIG, CITY, CMO,DIMET, EE, EFORL, EMC, EVER, GEL, GENCO, GJS, GLOCON, GRAND, GTV, HEALTH, HYDRO, ITD, JCKH, KC, KGEN, KWI, META, MILL, MIT, NATION, NCL, NEP, NEWS, NOVA, PEER, PERM, PLANET, PPPM, PRECHA, PTECH, QTCG, RML, SABUY, SCI,SDC, STELLA, STOWER, TFI, TNDT, TRC, TRITN, TSI, TSR, UMS, VS, WIN, XBIO และ YGG
ขณะที่หลักทรัพย์ที่ติดเครื่องหมาย CS (Financial Statement) อาทิ CHO, CMO, COMAN, DIMET, EE, ITD, MILL, NRF, SAM และ TSR
ส่วนหลักทรัพย์ที่ติดเครื่องหมาย CF (Free Float) อาทิ ANI, CIMBT, GGC, GLAND, GRAMMY, KWI, LRH, NFC, PMTA, PRG, PTECH, ROH, TNL, TR, UMS, UOBKH และ ZAA
นอกจากนี้หลักทรัพย์ที่ติดเครื่องหมาย CC (Non-Compliance) อาทิ DIMET
สรุปได้ว่า เมื่อใดก็ตามที่นักลงทุนเห็นเครื่องหมาย C ทั้ง 4 ตัว CB, CS, CF, CC ต่อท้ายชื่อหุ้น ควรใส่ใจว่าบริษัทนั้นกำลังเผชิญกับปัญหาที่อาจเกี่ยวข้องกับผลการดำเนินงาน ฐานะการเงิน หรือการไม่ปฏิบัติตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้น นักลงทุนควรระมัดระวังและคิดให้รอบคอบก่อนการตัดสินใจลงทุน