“ทรัมป์” จ่อแบนพลเมือง 41 ประเทศ ห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ

ผู้สื่อข่าวรายงาน (16 มี.ค.68) อ้างอิงข้อมูล สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาออกข้อจำกัดการเดินทางครั้งใหญ่ โดยอาจสั่งห้ามพลเมืองจากหลายสิบประเทศเข้าสหรัฐอเมริกา อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องและเอกสารบันทึกภายในที่สำนักข่าวดังได้รับมา

เอกสารบันทึกดังกล่าวระบุรายชื่อประเทศทั้งหมด 41 ประเทศ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

กลุ่มที่ 1 (10 ประเทศ) ประกอบด้วยอัฟกานิสถาน, อิหร่าน, ซีเรีย, คิวบา เกาหลีเหนือ และประเทศอื่นๆ จะถูกระงับการออกวีซ่าทั้งหมด

กลุ่มที่ 2 (5 ประเทศ) ได้แก่ เอริเทรีย, เฮติ, ลาว, เมียนมา และเซาท์ซูดาน จะถูกระงับการออกวีซ่าบางส่วน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อวีซ่าท่องเที่ยว วีซ่านักเรียน และวีซ่าผู้อพยพอื่นๆ โดยมีข้อยกเว้นบางประการ

กลุ่มที่ 3 (26 ประเทศ) ประกอบด้วยเบลารุส ปากีสถาน เติร์กเมนิสถาน และประเทศอื่นๆ จะถูกพิจารณาระงับการออกวีซ่าสหรัฐฯ บางส่วน หากรัฐบาลของประเทศเหล่านั้น “ไม่พยายามแก้ไขข้อบกพร่องภายใน 60 วัน”

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่ไม่ประสงค์ออกนามเตือนว่า รายชื่อประเทศอาจมีการเปลี่ยนแปลง และยังไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล รวมถึงรัฐมนตรีต่างประเทศมาร์โก รูบิโอ

สื่อใหญ่กล่าวว่า มาตรการนี้ชวนให้นึกถึงนโยบายห้ามเดินทางของประธานาธิบดีทรัมป์ในสมัยดำรงตำแหน่งครั้งแรก ซึ่งห้ามพลเมืองจาก 7 ประเทศที่มีประชากรมุสลิมส่วนใหญ่เดินทางเข้าสหรัฐฯ นโยบายดังกล่าวผ่านการแก้ไขหลายครั้งก่อนที่ศาลฎีกาจะรับรองในปี 2561

ทรัมป์ออกคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันที่ 20 มกราคม กำหนดให้มีการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวดสำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการเข้าสหรัฐฯ เพื่อตรวจจับภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ

คำสั่งดังกล่าวบังคับให้รัฐมนตรีหลายคนยื่นรายชื่อประเทศที่ถูกจำกัดภายในวันที่ 21 มีนาคม

คำสั่งของทรัมป์เป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามการเข้าเมืองผิดกฎหมายของผู้อพยพ เขาได้แถลงแผนการนี้ในการกล่าวสุนทรพจน์เมื่อเดือนตุลาคม 2566 โดยให้คำมั่นว่าจะจำกัดผู้คนจากฉนวนกาซา ลิเบีย โซมาเลีย ซีเรีย เยเมน และ ที่อื่น ๆ “ที่คุกคามความมั่นคงของเรา”