
“หุ้นสหรัฐ” ระส่ำรับสัปดาห์ใหม่ หวั่นเศรษฐกิจชะลอ-เทรดวอร์กดดัน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนหนัก! ดัชนีฟิวเจอร์สดิ่งรับเช้าวันจันทร์ ท่ามกลางความกังวลนโยบายภาษีของ “ทรัมป์” และสัญญาณชะลอตัวของเศรษฐกิจ จับตาการประชุม “เฟด” สัปดาห์นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 ม.ค.68) ณ เวลา 7:48 น. ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ลดลง 153 จุด หรือ 0.37% ขณะที่ ดัชนี Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส ร่วงลง 102.25 หรือ 0.55% ส่วนดัชนี S&P 500 ฟิวเจอร์ส ลดลง 25.75 จุด หรือ 0.46%
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ NBC ว่า การที่ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะปรับฐาน (Correction) ถือเป็นเรื่องที่ปกติ พร้อมกับกล่าวว่า ในระยะยาวนั้นหากรัฐบาลนำนโยบายภาษีมาใช้ ผ่อนคลายกฎระเบียบ และมีความมั่นคงด้านพลังงาน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็จะปรับตัวแข็งแกร่งขึ้น
ขณะที่ สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหุ้นร่วงลงในคืนวันอาทิตย์ (16 มี.ค.68) หลังจากดัชนีหุ้น 30 ตัว ทำสถิติสัปดาห์ที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2566 (ค.ศ.2023)
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดฉากหนักหน่วงอีกสัปดาห์ โดยดัชนี Nasdaq Composite ร่วงลึกลงสู่แดนปรับฐาน ขณะที่ดัชนี Russell 2000 ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นขนาดเล็กเข้าใกล้ภาวะตลาดหมี (Bear Market) หลังปรับตัวลดลงเกือบ 20% จากจุดสูงสุด ส่วนดัชนี S&P 500 แม้จะร่วงลงสู่ระดับปรับฐานชั่วคราวแต่ก็สามารถดีดตัวกลับมาได้ก่อนปิดตลาด
การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนที่ต้องรับมือกับนโยบายภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผนวกกับสัญญาณชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตลาดเกิดความปั่นป่วน ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นทำให้นักลงทุนตั้งคำถามว่า การปรับฐานของตลาดหุ้นครั้งนี้อาจลุกลามไปสู่ภาวะตลาดหมีหรือไม่
อดัม พาร์กเกอร์ ซีอีโอของTrivariate Research กล่าวในรายการ Closing Bell ของ CNBC เมื่อวันศุกร์ว่า หากพิจารณาบริษัทต่าง ๆ ที่เข้าร่วมงานประชุมใหญ่เมื่อเดือนมีนาคมจะเห็นได้ว่า หลายภาคส่วนเริ่มชะลอตัวลง ดังนั้นคิดว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่แค่ความกังวลเกี่ยวกับการเติบโต (Growth Scare) อีกต่อไป แต่นี่คือการชะลอตัวของเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
สัปดาห์นี้ถือเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาสำคัญของตลาดการเงิน โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีกำหนดประชุมนโยบายการเงิน และคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมวันพุธนี้
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จะจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าสัญญาณเชิงนโยบายจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ หลังจากที่พาวเวลล์เคยกล่าวไว้เมื่อต้นปีนี้ว่า Fed “ไม่รีบร้อน” ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย