
“สุทธิชัย” มอง SET ฟื้นตัวต่อ แนะลงทุน 3 ธีมเด่น Thai ESG-ปันผลสูง-ราคาลงลึก
“สุทธิชัย คุ้มวรชัย” มองตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ฟื้นตัวต่อ ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ และเอเชีย ขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน แนะลงทุน 3 ธีมเด่น เน้นกลุ่ม Thai ESG-ปันผลสูง-ราคาลงลึก
นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ INVX เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (17 มี.ค.68) ว่า ตลาดหุ้นไทยเปิดสัปดาห์ด้วยสัญญาณฟื้นตัว โดยได้รับแรงสนับสนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยด้านเทคนิคอลรีบาวด์ในกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงแรง หลังจากที่เผชิญแรงกดดันตลอดช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า นอกจากนี้ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่สหรัฐฯ สามารถหลีกเลี่ยงภาวะปิดหน่วยงานรัฐ (Shutdown) ได้สำเร็จ
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนคือราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น 1% และเช้าวันนี้เพิ่มขึ้นอีก 1% ทำให้สามารถกลับมายืนเหนือระดับ 71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันราคาน้ำมัน คือความไม่สงบในตะวันออกกลาง ภายหลังจากที่สหรัฐฯ มีการปฏิบัติการโจมตีกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลต่ออุปทานน้ำมันจากภูมิภาคดังกล่าว
นอกจากนี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้าวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นส่วนใหญ่ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ที่เน้นส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศและสร้างเสถียรภาพในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปัจจัยนี้ช่วยให้ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวตามตลาดหุ้นเอเชีย
อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคงต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศที่อาจมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก
ส่วนปัจจัยต่างประเทศและผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยที่ต้องติดตามต่อไป ได้แก่ ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยและสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งอาจส่งผลต่อข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) รวมถึงข้อจำกัดด้านวีซ่าสำหรับเจ้าหน้าที่ไทยในการเดินทางเข้าสหรัฐฯ ซึ่งแม้จะยังไม่มีผลกระทบในทันที แต่ต้องติดตามว่าปัจจัยดังกล่าวจะถูกนำมาเชื่อมโยงกับการค้าระหว่างประเทศในระยะยาวหรือไม่ และไทยาต้องทำให้เห็นว่าที่ส่งตัวไปกลุ่มเหล่านั้นอยู่ดีสบาย
ส่วนสถานการณ์ระหว่างประเทศและผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยที่ต้องติดตามต่อไป ได้แก่ ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยและสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งอาจส่งผลต่อข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) รวมถึงข้อจำกัดด้านวีซ่าสำหรับเจ้าหน้าที่ไทยในการเดินทางเข้าสหรัฐฯ ซึ่งแม้จะยังไม่มีผลกระทบในทันที แต่ต้องติดตามว่าปัจจัยดังกล่าวจะถูกนำมาเชื่อมโยงกับการค้าระหว่างประเทศในระยะยาวหรือไม่ และอย่างไรก็ตามการประเมินผลกระทบที่แน่ชัดยังเป็นเรื่องยาก
ส่วนกรณีที่สหรัฐฯโจมตีกลุ่มในตะวันออกกลาง และอาจมีการตอบโต้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น ในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม พื้นที่ที่มีการโจมตีอาจไม่ใช่แหล่งน้ำมันหลัก สิ่งที่น่าจับตาคือการสนับสนุนกลุ่มดังกล่าวจาก อิหร่าน ซึ่งถูกสหรัฐฯคว่ำบาตรเพิ่มเติมการคว่ำบาตรที่เข้มงวดขึ้นอาจกระทบต่ออุปทานน้ำมัน แต่ในภาพรวมปัจจัยพื้นฐานของราคาน้ำมันในปีนี้ ตลาดกังวลเรื่อง เศรษฐกิจโลก และ IEA ก็ปรับลดคาดการณ์การเติบโต โดยมองว่าอุปทานจะเพิ่มขึ้นทำให้ปีนี้อาจเป็นปีของอุปทานอาจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนและหุ้นเด่นประจำสัปดาห์ ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับการคัดเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและแนวโน้มการเติบโตที่มั่นคง โดยกลยุทธ์การลงทุนหลักในสัปดาห์นี้ประกอบด้วย 3 ธีมสำคัญ ได้แก่
1.Thai ESG: เน้นลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโต มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง จ่ายปันผลสม่ำเสมอ และอยู่ในรายชื่อหุ้น SET ESG อาทิ SET50 ที่น่าสนใจ ได้แก่ ADVANC,BBL,BDMS,CPALL, PTT ส่วนหุ้น SET100 ที่น่าสนใจ ได้แก่ AP BCH BTG
2.หุ้นปันผลคุณภาพดี มองหาหุ้นที่มีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลที่ดี โดยคาดหวังผลตอบแทนจากเงินปันผลอย่างน้อย 5% จากผลประกอบการของปีที่แล้ว ตัวอย่างเช่น AP, KKP, KTB, SPALI และ KBANK
3.หุ้น Undervalued เน้นหุ้นที่ราคาปรับตัวลดลงมาจนมีมูลค่าน่าสนใจ มีผลประกอบการที่คาดว่าจะเติบโตได้ ฐานะทางการเงินดี ราคาไม่แพง โดยพิจารณาจาก P/E Ratio ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และมีการจ่ายปันผล อาทิ CPALL, BDMS, MTC, MINT และ BTG