
AWC ปักธงปีนี้ “นิวไฮ” ลุยขยายพอร์ตโรงแรม-รีสอร์ท ตั้งเป้า 12,000 ห้อง ปี 72
AWC ปักธงปีนี้ “นิวไฮ” ต่อเนื่อง รับรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักพุ่ง! ลุยขยายพอร์ตโรงแรม-รีสอร์ท ตั้งเป้าห้องพักแตะ 12,000 ห้อง ดันมูลค่าทรัพย์สินสู่ระดับ 3 แสนล้านบาท ภายในปี 2572 พร้อมเดินหน้าผนึกเครือโรงแรมระดับโลกเสริมแกร่งธุรกิจภายใต้แนวคิด “Building a Better Future”
นายชยานนท์ หอพัตราภรณ์ หัวหน้าคณะสายงานบัญชีและการเงิน (CFO) บริษัทแอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 17 มีนาคม 2568 ว่า ผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 21,011 ล้านบาท โต 10.50% จากเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 19,019 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯมีกำไรสุทธิจำนวน 5,850 ล้านบาท เติบโต 14.60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 5,105 ล้านบาท
โดยปีนี้คาดว่ากำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ต่อเนื่องจากแผนเดินหน้าขยายพอร์ตธุรกิจทั้งในกลุ่มธุรกิจโรงแรมการบริการ โดยมั่นใจว่ารายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% จากปี 2567 อยู่ที่ 4,200 บาท (เปรียบเทียบเฉพาะพอร์ตเดิม)
ส่วนอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) จะกลับมาสู่ระดับ 75% หรือระดับปกติก่อนเกิดโควิด-19 ที่มากกว่า 75% จากปี 2567 อยู่ที่ 72% จากปี 2566 อยู่ที่ระดับต่ำเพียง 65% และปีนี้ตั้งเป้าจำนวนนห้องพักโรงแรมในพอร์ตแตะ 6,971 ห้อง จากปี 2567 อยู่ที่ 6,029 ห้อง
อีกทั้งเดินหน้าการเติบโตก้าวกระโดดต่อเนื่องในฐานะบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มุ่งเน้นการสร้างจุดหมายปลายทางยั่งยืนระดับโลก ด้วยโครงการคุณภาพระดับแลนด์มาร์ก เสริมศักยภาพความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก และยกระดับมาตรฐานการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สู่ระดับสากล ภายใต้แนวคิด “Building a Better Future”
โดยบริษัทวางเป้าภายใน 5 ปี (68-72) เพิ่มทรัพย์สินดำเนินงาน(Operating Asset) สู่ระดับ 300,000 ล้านบาท ในปี 2572 จากปี 2567 อยู่ที่ 156,753 ล้านบาท ท และวางเป้ายายห้องพักรวมสู่ 12,000 ห้อง ภายใต้แนวคิด “Building a Better Future”
ดังนั้นบริษัทคาดการณ์ว่าการเพิ่มสัดส่วนของสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ประจำ (BAU) จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากประมาณ 25% ในปี 2563 เป็นมากกว่า 70% ของพอร์ตโฟลิโอทั้งหมดภายในปี 2572 ซึ่งจะส่งผลให้ EBITDA เติบโตขึ้น
นอกจากนี้บริษัทยังวางกลยุทธ์ในการพัฒนาธุรกิจและการสร้างมูลค่าในระยะยาวมีเป้าหมายและแนวทางที่สำคัญดังนี้ อาทิ เน้นการขยายพอร์ตสินทรัพย์ผ่านโครงการใหม่และการเข้าซื้อกิจการ ล่าสุดเข้าซื้อบริษัท เลอ คองคอร์ด โฮเต็ล จำกัด ที่เข้าซื้อและจะรีแบรนด์เป็น JW Marriott รวมทั้งเดินหน้าขยายพอร์ตโรงแรมและรีสอร์ทหรูในทำเลสำคัญ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา สมุย
อีกทั้งการเติบโตของธุรกิจโรงแรม (Hotel Business Growth) ขับเคลื่อนอัตราค่าห้องพักเฉลี่ย (ADR) ให้สูงขึ้น เพื่อการรักษาความเป็นผู้นำด้าน RevPAR (Revenue Per Available Room) และ RGI (Revenue Generation Index) โดย ตั้งเป้าให้ RevPAR เติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก (Double-digit Growth) โดยคาดว่าอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) จะมากกว่า 75% ในปี 2568
ขณะเดียวกันยังวางแผนร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก และการทำงานร่วมกับเครือข่ายโรงแรมชั้นนำระดับโลก เช่น Marriott, Hilton, Banyan Tree, Okura ที่สามารถเข้าถึงฐานสมาชิก Loyalty Program ที่มีมากกว่า 650 ล้านราย เพื่อเข้าถึงฐานลูกค้าสมาชิกที่มีคุณภาพสูงจำนวนมาก รวมทั้งเดินหน้าขยายพอร์ตโรงแรมและรีสอร์ทหรูในทำเลสำคัญ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา สมุย
นอกจากนี้บริษัทวางเป้าเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจพื้นที่ให้เช่า (Listing) โดยบริษัทจะยังคงเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการพัฒนาและปรับปรุงพื้นที่ให้เช่า เพื่อผลักดันอัตราค่าเช่าและอัตราการเข้าพักให้สูงขึ้น
ขณะเดียวกัน AWC ยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนกลยุทธ์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม (Better Planet) สร้างสมดุลระหว่างการเติบโตควบคู่ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม (Better People) สร้างการเติบโตควบคู่การยกระดับคุณค่าของบุคลากรและชุมชน และด้านเศรษฐกิจ (Better Prosperity) สร้างการเติบโตเพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยมีผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก