
TEGH ปักหมุดรายได้ปี 68 โต 30% แตะ 2.2 หมื่นล้าน เดินหน้าดัน TEBP เข้าเทรด mai
TEGH ตั้งเป้ารายได้ปี 68 โต 30% แตะ 22,000 ล้านบาท อานิสงส์ยางแท่งเกรด EUDR ขณะเดียวกัน เตรียมแผนระดมทุนบริษัทย่อย “TEBP” เข้าตลาด mai ภายในปีนี้ พร้อมจ่ายปันผล 0.21 บาทต่อหุ้น วันที่ 23 พ.ค.นี้
นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH ผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และผู้นำด้านการผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจร ที่นำพลังงานสะอาดมาใช้ในกระบวนการผลิต เปิดเผยว่า ในปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 30% แตะระดับ 22,000 ล้านบาท จากทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งยางธรรมชาติ น้ำมันปาล์ม และพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ โดยเฉพาะธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแท่ง มีโอกาสที่ยอดขายจะทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) จากปริมาณขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 250,000-280,000 ตัน และราคายางธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น
โดยปีนี้มีแนวโน้มว่ายอดขายยางแท่งเกรด EUDR จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อนที่มียอดขายทั้งหมด 51,743 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 45.11% ของปริมาณการส่งออกยางแท่งทั้งหมดในครึ่งปีหลัง สะท้อนถึงความสามารถในการขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ และความต้องการสินค้ายางแท่งเกรด EUDR โดยเฉพาะตลาดยุโรป ที่ถึงแม้จะมีการเลื่อนการบังคับใช้กฎหมาย EUDR ออกไปอีก 1 ปี (เริ่มบังคับใช้ 31 ธันวาคม 2568) ก็ตาม
สำหรับแผน Spin-Off ของบริษัทย่อย คือ บริษัท ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ จำกัด (TEBP) ในการออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) และแผนการนำหุ้นสามัญเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในปีนี้ ปัจจุบันมีความคืบหน้าตามลำดับ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินและสร้างการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต ซึ่งภายใต้แผน Spin-Off นั้น TEBP จะเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) เท่ากับหุ้นละ 1 บาท โดยจะออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่จำนวนไม่เกิน 75 ล้านหุ้น และ TEGH จะขายหุ้นเดิมจำนวนไม่เกิน 15 ล้านหุ้น รวมจำนวนหุ้นที่จะ IPO ทั้งหมดไม่เกิน 90 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 30.00% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ TEBP โดยภายหลังการ IPO TEGH ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TEBP และ TEBP จะยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของ TEGH ภายหลังการ IPO
ทั้งนี้ ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 2567 (สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2567) บริษัทฯ มีรายได้ 16,843.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.36% ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่บริษัทฯ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ 14,774 ล้านบาท ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ 1,907 ล้านบาท และธุรกิจพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ 139 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 88%, 11%, 1% ของรายได้ทั้งหมดตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 556.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 158.86% หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 202.60% ก่อนหักรายการพิเศษบันทึกค่าเผื่อการด้อยค่าของสินทรัพย์ถาวรของบริษัทย่อย จำนวน 94.05 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.21 บาท โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 20 มีนาคม 2568 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ทั้งนี้จะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งมีกำหนดจัดประชุมในวันที่ 25 เมษายน 2568