
รัฐทุ่ม 180 ล้าน จัดงานมหกรรม “สงกรานต์สนามหลวง” หวังเงินสะพัด 4.6 หมื่นลบ.
นายกฯ ดันซอฟต์พาวเวอร์ไทย รณรงค์ใส่กางเกงลายประจำจังหวัดตลอดเดือนเมษายน ด้านกระทรวงท่องเที่ยวฯ พร้อมเดินหน้าจัด “Maha Songkran World Water Festival” ใหญ่สุด ณ สนามหลวง พร้อมกิจกรรมสงกรานต์ทั่วประเทศ คาดดึงนักท่องเที่ยวไทย-ต่างชาติ รวมกว่า 9.3 ล้านคน เงินสะพัดมหาศาล 4.6 หมื่นล้านบาท
วันนี้ (19 มี.ค.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 โดยนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำถึงแนวทางรณรงค์ให้ประชาชนสวมใส่กางเกงลายประจำจังหวัด ตลอดเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเมษายนนี้ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์อัตลักษณ์ท้องถิ่นของแต่ละจังหวัดให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ พร้อมด้วย นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ร่วมกันแถลงข่าว
นายสรวงศ์ แสดงความพร้อมในการจัดงาน “Maha Songkran World Water Festival” ซึ่งจะจัดขึ้นที่ บริเวณท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 12-16 เมษายน 2568 รวม 5 วัน ด้วยงบประมาณ กว่า 180 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติร่วมงานไม่น้อยกว่า 4,894,500 คน/ครั้ง สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 26,564 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน งาน “เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์” ที่จัดขึ้นใน กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต และนครศรีธรรมราช ในช่วงเวลาเดียวกัน คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าร่วม 4,418,500 คน/ครั้ง และสร้างรายได้หมุนเวียนสู่เศรษฐกิจภูมิภาคไม่น้อยกว่า 19,240 ล้านบาท
เมื่อรวมเฉพาะ 2 กิจกรรมดังกล่าว คาดว่าเทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะมีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 46,104 ล้านบาท
ลดหย่อนภาษีซื้องานศิลปะ-ศิลปิน
ด้าน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบมาตรการสิทธิประโยชน์ด้านศิลปะ เพื่อสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการจัดแสดงงานศิลปะนานาชาติ และผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการซื้อขายงานศิลปะ โดยกรมสรรพากร จัดทำ 2 มาตรการ คือ 1.มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการซื้องานศิลปะ ให้บุคคลธรรมดานำค่าซื้อมาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกินปีละ 100,000 บาท และ 2.มาตรการภาษีสนับสนุนผู้สร้างสรรค์งานศิลปะ ให้ศิลปินสามารถหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้เพิ่มขึ้น จาก 30% เป็น 60%
ขณะเดียวกัน กรมศุลกากร กำลังดำเนินการจัดตั้ง เขตปลอดอากรประเภทหอศิลป์ เพื่อ ยกเว้นอากรขาเข้า ช่วยลดภาระภาษีให้แก่นักสะสมและผู้จัดงานศิลปะ โดยมีเป้าหมาย ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการจัดเก็บและจัดแสดงงานศิลปะที่สำคัญของเอเชีย
ปัจจุบัน ไทยเก็บภาษีนำเข้างานศิลปะที่อัตรา 10% ซึ่งสูงกว่าหลายประเทศในภูมิภาค เช่น เวียดนาม ที่จัดเก็บ 7.5%, อินโดนีเซีย 5%, ขณะที่ มาเลเซีย ยกเว้นภาษี 0% การจัดตั้งเขตปลอดอากรนี้จึงเป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดศิลปะระดับนานาชาติ
จัดสตรีทอาร์ต นำร่อง 33 จังหวัด
นพ.สุรพงษ์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้เยาวชนมีพื้นที่สำหรับแสดงออกทางศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ โดยได้ร่วมมือกับ 46 สถาบันการศึกษา จัดประกวดสตรีทอาร์ตเยาวชน ภายใต้แนวคิด “Dream of Thailand” ทั้งนี้ กำหนดจัดกิจกรรมระหว่างวันที่ 29-30 มีนาคม โดยจะมีการจัดเตรียมพื้นที่ใน 33 จังหวัดทั่วประเทศ สำหรับการแข่งขัน ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 รุ่น ได้แก่ ระดับมัธยมศึกษา และระดับนิสิต-นักศึกษา
สำหรับผู้ชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัล 500,000 บาท โดยในกรุงเทพฯ จะใช้พื้นที่บริเวณ คลองเปรมประชากร เป็นสถานที่จัดแสดงผลงาน ถือเป็นการจุดประกายกิจกรรมศิลปะระดับประเทศ และมีแผนขยายพื้นที่เพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งนอกจากจะเปิดโอกาสให้เยาวชนได้แสดงศักยภาพแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกด้วย