
“กัณฑรา” มอง SET ผันผวน แนะสะสม 3 หุ้นพื้นฐานดี-ราคาลงลึก
“กัณฑรา” มอง SET ผันผวนไม่สามารถยืนเหนือ 1,200 จุด จากแรงขายต่างชาติ ชี้หากแรงขายลด-มาตรการ Digital Wallet-คลาย LTV หนุน GDP ไทยโต ลุ้นต่างชาติไหลกลับ แนะสะสมหุ้น NSL-SISB-KBANK
นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (21มี.ค.68) ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ดัชนีจะยังไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1,200 จุด ได้อย่างมั่นคง เนื่องจากมีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดอย่างมาก โดยวานนี้มีแรงขายออกมากว่า 2,000 ล้านบาท และก่อนหน้านี้ก็มีแรงขายในระดับ 3,000-4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นแรงขายที่ตลาดรับไม่ไหว
ดังนั้นแม้ว่าช่วงนี้จะมีข่าวสารเชิงบวกออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ เช่น การช่วยเหลือลูกหนี้, การคลายเกณฑ์ LTV, การซื้อหนี้เสีย, และโครงการ Digital Wallet3 รวมถึงการซื้อหุ้นคืนของ ปตท. แต่ยังมองว่าปัจจัยดังกล่าวจะไม่สามารถช่วยพยุงดัชนีได้ชัดเจนมากนัก ดังนั้นหากจะให้ดัชนีฟื้นตัวชัดเจนแรงขายต่างชาติต้องเบาลง
โดยปัจจัยที่จะทำให้ต่างชาติกลับมาลงทุนต้องติดตามดูว่ามาตรการเหล่านี้จะสามารถกระตุ้น GDP ได้จริง และดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้กลับมาได้หรือไม่ และต้องติดตามว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะอนุญาตให้ปล่อยสินเชื่อเพิ่มได้ แต่ธนาคารพาณิชย์จะปล่อยกู้จริงหรือไม่นั้นก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระหนี้ควรมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ
ดังนั้นนักลงทุนต่างชาติยังคงให้ความสำคัญกับ GDP และการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย ซึ่งปัจจุบันยังถูกมองว่าเติบโตในอัตราที่ไม่สูงนักประมาณ 2% และผลประโยชน์อาจยังไม่กระจายไปสู่ฐานรากการเติบโตของ GDP ที่สูงขึ้นมากกว่า 2.5-5% ถึงจะเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ
ทั้งนี้แม้ภาวะตลาดจะยังไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1,200 จุด แนะนักลงทุนตั้งรับเป็นหลักเพราะระดับนี้มีหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานมากถึง 30% หรือมากกว่านั้น โดยแนะนำทยอยซื้อและหาข้อมูลและพิจารณาหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและมีราคาต่ำมากๆ
โดยแนะนำหุ้น NSL เป็นหุ้นของบริษัทที่ขายแซนวิชให้กับร้านสะดวกซื้อ มีปัจจัยพื้นฐานที่น่าจะอยู่ที่ประมาณ 40 บาท แต่ราคาซื้อขายในขณะนั้นอยู่ที่ประมาณ 26-28 บาท ห่างจากปัจจัยพื้นฐานมา
ตามาด้วย SISB เป็นหุ้นของโรงเรียนนานาชาติฝ่ายวิเคราะห์ประเมินปัจจัยพื้นฐานไว้ที่ 39 บาท ขณะที่ราคาหุ้นในขณะนั้นอยู่ที่ 18 บาท ปัจจัยที่น่าสนใจคือปัจจุบัน SISB มีจำนวนนักเรียนสูงเป็นประวัติการณ์ (New High) กว่า 4,000 คน แต่ราคาหุ้นกลับเท่ากับช่วงที่มีนักเรียนเพียงประมาณ 3,000 คน โดยรวมแล้วราคายังถือว่าต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน
นอกจากนี้แนะนำหุ้นกลุ่มธนาคารยังคงเป็นหุ้นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติเบาลง หากเกิดภาวะ Over Sold จริงในกลุ่มธนาคาร หุ้น KBANK อาจเป็นเป้าหมายที่นักลงทุนต่างชาติจะกลับมาสนใจ
ขณะเดียวมีมุมมองด้านตลาด IPO ในปัจจุบันอาจมีการชะลอตัว เนื่องจากราคา IPO ที่ตั้งไว้อาจไม่สอดคล้องกับดัชนีตลาดที่ปรับตัวลง ทำให้ PE Ratio ของตลาดเปลี่ยนแปลงไป และบริษัทที่ต้องการ IPO อาจรอให้ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นไปในระดับที่เหมาะสมเช่น 1,300 จุด ขึ้นไป เพื่อให้การประเมินมูลค่าหุ้น IPO สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงมากขึ้น โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตลาด IPO อาจกลับมาคึกคักได้ในช่วงครึ่งปีหลัง หากดัชนีปรับตัวขึ้นไปถึงระดับ 1,400 จุด หรืออย่างน้อย 1,300 จุด