
“เจพีมอร์แกน” แนะ 2 กลยุทธ์ลงทุน หุ้นมั่นคง-ผลตอบแทนยั่งยืนระยะยาว
“เจพี มอร์แกน” แนะนำ 2 กลยุทธ์ลงทุนในหุ้นไทยระยะกลางถึงยาว โดยเลือกหุ้นที่มีความมั่นคงและมูลค่าที่สมเหตุสมผล และลงทุนในแนวทางการเติบโตเชิงโครงสร้างเพื่อผลตอบแทนในระยะยาว
บริษัทหลักทรัพย์ เจพี มอร์แกน จำกัด ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าดัชนี MSCI ASEAN อยู่ที่ 10% และ MSCI Asia excluding Japan อยู่ที่ 20% ในปีนี้ ขณะเดียวกัน SET Index ยังปรับตัวลดลง 15% ตั้งแต่ต้นปี
อย่างไรก็ตาม เจพี มอร์แกน มองว่า มีโอกาสในการปรับตัวสูงขึ้นในระยะสั้น โดยคาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากนโยบายสนับสนุนเศรษฐกิจและผลประโยชน์ทางภาษีจาก Thai ESG
สำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนคาดว่าจะช่วยดึงดูดการลงทุนในตลาดเกิดใหม่มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นที่มีการขายออกมามากในช่วงที่ผ่านมาและหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสูง ซึ่งอาจได้รับประโยชน์จากปัจจัยบวกดังกล่าว
สำหรับกลยุทธ์นี้เป็นเพียงกลยุทธ์เฉพาะ และไม่ใช่มุมมองในเชิงโครงสร้าง เนื่องจากยังคงมีความท้าทายจากปัจจัยลบที่ยังไม่ถูกสะท้อนในคาดการณ์รายได้หรือมูลค่าหุ้น ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น ช่วงโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยว, ช่วงการจ่ายเงินปันผล และต้นทุนค่าไฟ
บริษัทระบุเพิ่มเติมว่า กองทุนในประเทศได้เพิ่มการจัดสรรเงินสดสูงถึง 9.8% ภายในสิ้นเดือนมกราคม 2568 โดยการหมุนเวียนในเดือนมกราคมเห็นได้ชัดว่ากองทุนได้ถอนการลงทุนออกจากกลุ่มการค้า, พลังงาน, สาธารณูปโภค และการบริการด้านสุขภาพ โดยเงินลงทุนได้ไหลไปยังกลุ่มธนาคาร, ขนส่ง, ICT และ F&B แทน
นอกจากนี้ เจพี มอร์แกน แนะนำ 2 กลยุทธ์การลงทุนในระยะกลางถึงยาวสำหรับการลงทุนในประเทศไทย ได้แก่ 1) การเลือกหุ้นที่มีความมั่นคง มีการทำกำไรที่ยืดหยุ่น และมีการประเมินมูลค่าที่สมเหตุสมผล และ 2) การเลือกลงทุนในแนวทางการเติบโตเชิงโครงสร้างในระยะยาว