
“บล.กรุงศรี” มอง SET สัปดาห์นี้ “ฟื้นตัว” จับตาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
บล.กรุงศรี มอง SET สัปดาห์นี้ “ฟื้นตัว” จับตาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ระหว่างวันที่ 24-25 มี.ค. พร้อมเกาะติดตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ โบรกแนะหุ้นเด่น PTT TRUE และ KTB มองกรอบดัชนีเคลื่อนไหวแนวรับ 1,168 - 1,157 จุด แนวต้าน 1,200-1,212 จุด
“สำนักข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้รวบรวมกลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้ระหว่างวันที่ (24 มี.ค. – 29 มี.ค.68) ซึ่งเป็นบทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ประเมินตลาดหุ้นไทย “ฟื้นตัว” ให้กรอบแนวรับที่ 1,168 – 1,157 จุด แนวต้าน 1,200-1,212 จุด โดยมีปัจจัยที่ส่งผลต่อดัชนี SET Index ที่ต้องติดตาม ได้แก่
ระหว่างวันที่ 24-25 มี.ค. ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ส่วนวันที่ 27 มี.ค. ติดตามงานสัมมนา AI Revolution “a New Paradigm of New World Economy” โดยงานดังกล่าวมีบริษัทจะทะเบียนเข้าร่วม ได้แก่ ADVANC, BBIK, KBANK และ WHA
ขณะที่ ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อ SET Index คือ วันที่ 24 มี.ค. ติดตามดัชนี Flash PMI ภาคผลิตและภาคบริการ มี.ค. ถัดมาวันที่ 25 มี.ค. จับตาการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนมีนาคม โดย Conference Board ซึ่งเป็นมาตรวัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีดังกล่าวจะลดลงสู่ระดับ 94.0 จุด จากระดับ 98.3 จุด ในเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงความกังวลของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ ทิศทางนโยบายการเงิน และแนวโน้มเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
อีกทั้งวันที่ 26 มี.ค. จับตาการเปิดเผยตัวเลข ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) ประจำเดือนก.พ. ซึ่งเป็นมาตรวัดการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมและแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวม
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนจะ หดตัว 0.7% เมื่อเทียบรายเดือน ตรงข้ามกับเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 3.2% เมื่อเทียบรายเดือน สะท้อนถึงการชะลอตัวของอุปสงค์ในภาคการผลิต ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง
วันที่ 27 มี.ค. จับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 4 ปี 67 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP จะขยายตัว 2.5% เมื่อเทียบรายไตรมาส ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 2.3% เมื่อเทียบรายไตรมาส ในประมาณการครั้งก่อนหน้า สะท้อนถึงการเติบโตของเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง แม้ต้องเผชิญกับภาวะดอกเบี้ยสูงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
สุดท้าย วันที่ 28 มี.ค. จับตารายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ประจำเดือนก.พ. ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ให้ความสำคัญ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนีดังกล่าวจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปี และ 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน แต่เพิ่มขึ้นจากระดับ 2.6% เมื่อเทียบรายปี ในเดือนก่อน
นอกจากนี้ แนะนำนักลงทุนติดตาม วันที่ 26 มี.ค. 26 มี.ค. มีการเปิดเผยอัตราดอกเบี้ย Facility Rate อายุ 1 ปี ซึ่งฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์คงที่ระดับ 2.0%
ขณะที่ฝั่งยุโรป ในวันที่ 29 มี.ค. ตลาดจับตาการเปิดเผยรายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Flash PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐฯ ประจำเดือนมี.ค. 68 ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่สะท้อนภาวะเศรษฐกิจในภาคธุรกิจ
สำหรับการเปิดเผยครั้งนี้ ยังไม่มีตัวเลขคาดการณ์ล่วงหน้า โดยในเดือนก่อนหน้า ดัชนี PMI ภาคการผลิตอยู่ที่ 47.6 จุด ซึ่งยังอยู่ในโซนหดตัว (ต่ำกว่า 50 จุด) ขณะที่ ดัชนี PMI ภาคบริการอยู่ที่ 50.6 จุด ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวเล็กน้อยของภาคบริการ
ทั้งนี้ จากปัจจัยต่างๆ ที่นักลงทุนต้องติดตามนั้น ฝ่ายนักวิเคราะห์แนะนำ “กลยุทธ์การลงทุน” ภายหลังการประเมิน SET Index สัปดาห์หน้า “ฟื้นตัว” ซึ่งตลาดจับตาการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล & นายกรัฐมนตรี 24-25 มี.ค. เพื่อประเมิน เสถียรภาพรัฐบาล แต่กรณี Base Case ฝ่ายนักวิเคราะห์ประเมินรัฐบาลขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจได้ต่อ
อีกทั้งน่าจะสนับสนุนเม็ดเงินลงทุนชะลอดูความ ชัดเจน ทยอยกลับมาลงทุน SET ที่อยู่ในโซนลงทุน Current Equity Risk Premium ปัจจุบัน 4.8% +/- > AVG. +1.5 S.D. โดยมีหุ้นเด่น กลุ่มที่มาตรการรัฐฯหนุน อาทิ ธนาคาร เช่าซื้อ อสังหา
นอกจากนี้ คาดการณ์หุ้นสื่อสารได้รับปัจจัยสนับสนุนจากกระแสงาน AI Revolution รวมถึงคาดมี Preview งบไตรมาส 1/68 ที่ยังมีแนวโน้มดี อีกทั้งตามยังคาดการณ์กลุ่มที่ตลาดเก็งมีศักยภาพทำ Treasury Stock ต่อจาก PTT ประเมิน PTTEP, PTTGC, BCP, TOP และ SCGP รวมไปถึง 10 หุ้น Deep Value อาทิ CPALL, BDMS, MINT, BH, GPSC, SCGP, HMPRO, KBANK, BBL และ AOT อย่างไรก็ตาม ฝ่ายนักวิเคราะห์แนะนำหุ้นเด่ประจำสัปดาห์ คือ PTT TRUE และ KTB จากปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัว ดังนี้
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT คาดโมเมนตัมการประกาศโครงการ Treasury Stock เป็นปัจจัยสนับสนุนต่อเนื่อง โดยฝ่ายนักวิเคราะห์ให้ราคาพื้นฐาน 34.9 บาท
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากกระแสงาน AI Revolution อีกทั้งใกล้ Preview คาดกำไรไตรมาส 1/68 เติบโตดีต่อเนื่อง โดยฝ่ายนักวิเคราะห์ให้ราคาพื้นฐาน 15 บาท
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ได้ประโยชน์มาตรการซื้อหนี้ธนาคาร และการผ่อนคลายมาตรการ LTV สูงลำดับต้น โดยฝ่ายนักวิเคราะห์ให้ราคาพื้นฐาน 27 บาท
อย่างไรก็ตามแนะนำนักลงทุนติดตามทิศทาง “ฟันด์โฟลว์”สัปดาห์ที่แล้วเงินทุนไหลเข้า (หุ้น+พันธบัตร) ภูมิภาค Asia (exJ) +4167 ล้านเหรียญฯ ไทยเงินไหลออก -148.6ล้านเหรียญฯ (ขายหุ้น -131.7 ล้านเหรียญฯ ขาย พันธบัตร -16.9 ล้านเหรียญฯ) เงินบาทอ่อนค่า w-w ที่ 33.8 +/-บาท