
กบน. ไฟเขียวลดน้ำมัน “เบนซิน-ดีเซล” ลิตรละ 1 บาท! ทยอยปรับ 2 งวด เริ่ม 28 มี.ค.นี้
กบน. มีมติลดน้ำมันกลุ่มเบนซิน-ดีเซล ลิตรละ 1 บาท แบ่งเป็น 2 ระยะ ครั้งละ 50 สตางค์ ดีเดย์ครั้งแรก 28 มี.ค.68 ครั้งต่อไป 4 เม.ย.68 รองรับเทศกาลสงกรานต์
วันนี้ (24 มี.ค.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กบน. มีมติเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับกลุ่มน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล ซึ่งจะส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันลดลงรวม 1 บาทต่อลิตร
การปรับลดราคาดังกล่าวจะดำเนินการเป็น 2 ระยะ ครั้งละ 50 สตางค์ต่อลิตร ได้แก่ ครั้งที่ 1 วันที่ 28 มี.ค.68 และครั้งที่ 2 วันที่ 4 เม.ย.68 เพื่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อประชาชน และสอดรับกับสถานการณ์ ราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับลดลง และสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เริ่มมีรายรับเพิ่มขึ้น
นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า การปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จากน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล ครั้งนี้ เพื่อเป็นของขวัญให้ประชาชน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเดินทางเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน โดยเฉพาะกลุ่มดีเซล คิดเป็น 2 ใน 3 ของปริมาณการใช้น้ำมันทั้งหมด เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในการเดินทางกลับภูมิลำเนา และเป็นการส่งเสริมสถาบันครอบครัว กระตุ้นการเดินทาง เพื่อการท่องเที่ยวในประเทศช่วงเทศกาลสงกรานต์
ทั้งนี้ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) รายงานถึงสถานการณ์ และฐานะของกองทุนน้ำมันฯ ในช่วงต้นปี เดือน ม.ค. ถึงวันที่ 23 มี.ค.68) พบว่า ฐานะกองทุนน้ำมันฯ มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากปัจจัยด้านราคาน้ำมันดิบดูไบ ช่วงที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับเฉลี่ยกว่า 8,000 ล้านบาทต่อเดือน ทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันฯ จากเดิมเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2568 กองทุนฯ ติดลบอยู่ที่ 75,945 ล้านบาท (บัญชีน้ำมันติดลบ 64,066 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 47,597 ล้านบาท) ต่อมาวันที่ 23 มี.ค.68 เหลือติดลบ 60,052 ล้านบาท (บัญชีน้ำมันติดลบ 29,009 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 46,936 ล้านบาท)
อย่างไรก็ตาม คาดว่าเงินกองทุนฯ จะกลับมาเป็นบวกได้ประมาณเดือน พ.ค.-มิ.ย.68 นี้ แต่ก็ยังมีภาระหนี้สินที่ยังต้องชำระอีกมาก ซึ่งขณะนี้กองทุนฯ ยังมีเงินไหลเข้าเพียงพอชำระหนี้ ดังนั้นจึงสามารถนำเงินส่วนหนึ่งมาลดราคาน้ำมันให้ประชาชนได้ โดยคาดว่าจะใช้เงินกองทุนฯ ประมาณ 100 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การใช้เงินจำนวน 67 ล้านบาท สำหรับลดราคาดีเซล และใช้เงินอีก 32 ล้านบาท สำหรับลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน