
จับตา! 8 เม.ย.นี้ ศาลนัดพิพากษาคดี “ไตรรัตน์” ฟ้อง 4 บอร์ด “กสทช.” ปมสั่งปลดไม่เป็นธรรม
จับตา 8 เม.ย. นี้ “ศาลอาญาทุจริตฯ” นัดฟังคำพิพากษาคดี "ไตรรัตน์" ฟ้อง 4 กรรมการ กสทช. ปมเปลี่ยนตัวรักษาการเลขาธิการ กสทช. ท่ามกลางข้อพิพาทลิขสิทธิ์บอลโลก 2022
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 8 เม.ย. 68 ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เตรียมนัดฟังคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 155/2566 ซึ่ง นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกรรมการ กสทช. จำนวน 4 ราย ได้แก่ พลอากาศโท ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ, รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย, ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต และรองศาสตราจารย์ ดร.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ โดยกล่าวหาว่ากลั่นแกล้งให้ตนพ้นจากตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช.
โดยคดีนี้เริ่มต้นจากการลงมติของกรรมการ กสทช. เสียงข้างมาก ที่เห็นพ้องให้เปลี่ยนตัวรักษาการเลขาธิการ กสทช. หลังพบว่าการดำเนินงานเกี่ยวกับการสนับสนุนลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022 มูลค่า 600 ล้านบาท ไม่เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างสำนักงาน กสทช. และการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงของ กสทช. ชี้ว่าการดำเนินงานของนายไตรรัตน์อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายและมติที่ประชุม กสทช.
รวมทั้งข้อเสนอของการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่ยื่นขอรับการสนับสนุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ตลอดจนบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย ทำกับสำนักงาน กสทช.
โดยทางอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงเสนอให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย นายไตรรัตน์ และให้เปลี่ยนตัวรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. จนกว่าการสอบสวนจะจบสิ้น เพื่อไม่ให้มีการยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานและกระบวนการ
อนึ่ง ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสำนักงาน กสทช. กับการกีฬาแห่งประเทศไทยระบุชัดเจนว่า ในการรับเงินสนับสนุนเงินจากกองทุน กทปส. 600 ล้านบาท การกีฬาแห่งประเทศไทยมีหน้าที่บริหารจัดการให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ทุกประเภทของ กสทช. ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกได้ และการกีฬาแห่งประเทศไทยก็รับทราบก่อนลงนามใน MOU แล้วว่า ทางสำนักงาน กสทช. มีเงื่อนไขสำคัญเกี่ยวกับกฎ must have / must carry เพื่อให้ผู้รับใบอนุญาตออกอากาศได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
อย่างไรก็ดี หลังจากลงนามใน MOU กับสำนักงาน กสทช.เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 การกีฬาแห่งประเทศไทยได้ทำบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติม ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 กับ บริษัท ทรูโฟร์ยู สเตชั่น จำกัด, บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด และบริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด และมอบสิทธิในการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ให้กับกลุ่มทรูแลกกับการสนับสนุนเงิน 300 ล้านบาท
โดยการกีฬาแห่งประเทศไทยให้เหตุผลว่ามีเงินไม่พอซื้อค่าลิขสิทธิ์บอลโลกซึ่งสูงถึง 1,200 ล้านบาท จึงต้องรับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากองค์กรภาคเอกชนหลายแห่งรวมทั้งกลุ่มทรูด้วย การทำบันทึกข้อตกลงในภายหลังส่งผลให้ผู้รับใบอนุญาตประเภทเคเบิลทีวี ทีวีดาวเทียม และไอพีทีวีต้องจอดำ ไม่สามารถถ่ายทอดการแข่งขันบอลโลกได้ เนื่องจากได้รับแจ้งจากกลุ่มทรูว่าเป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ซึ่งในรายงานสอบข้อเท็จจริงชี้ให้เห็นว่า นายไตรรัตน์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นรักษาการเลขาฯ กสทช.เป็นผู้แจ้งการกีฬาแห่งประเทศไทยว่าสามารถทำ MOU เพิ่มเติมกับกลุ่มทรูได้ ซึ่งขัดแย้งกับ MOU ที่ได้ตกลงมาก่อนหน้ากับสำนักงาน กสทช.
ขณะที่ แหล่งข่าวในแวดวงกระบวนการยุติธรรม รายงานว่า องค์คณะผู้พิพากษาในคดีนี้ เป็นองค์คณะเดียวกับที่มีคำพิพากษาในคดี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจาก บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ในประเด็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบกรณีทรูไอดี ซึ่งเป็นที่สนใจของสาธารณชนอย่างกว้างขวาง
นอกจากนี้ ผู้พิพากษาซึ่งเป็นเจ้าของสำนวนยังเป็นคนเดียวกันกับที่พิจารณาคดีหมายเลขดำที่ อท 199/2565 อันเป็นการฟ้องกรรมการ กสทช.ว่าประพฤติมิชอบจากการอนุมัติให้ควบรวมกิจการทรู-ดีแทค ซึ่งในคดีดังกล่าว ศาลได้ยกฟ้องตั้งแต่ยังไม่ได้ไต่สวนมูลฟ้อง โดยเห็นว่า กรรมการ กสทช. ทำถูกต้องตามกฎหมายแล้วทุกประการ