MVP ชนะคดี! ศาลฎีกาสั่ง “เซ็นทรัล เจดี คอมเมิร์ซ” จ่ายเงินคืน 67 ล้านบาท

MVP เฮ! ศาลฎีกาตัดสินให้ "เซ็นทรัล เจดี คอมเมิร์ซ" ชำระเงินคืน 67.3 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยและค่าทนาย คาดส่งผลดีต่อฐานะการเงินและการเติบโตระยะยาว


นายโอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MVP ขอรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีความระหว่างบริษัทฯ กับ บริษัท เซ็นทรัล เจดี คอมเมิร์ซ จำกัด (“โจทก์”) ซึ่งได้จดทะเบียนเลิกกิจการแล้ว ณ วันที่ 17 กันยายน 2567

สำหรับคดีความดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2561 โดยบริษัทฯ ถูกฟ้องร้องเรียกคืนทรัพย์สินและเรียกค่าเสียหายฐานไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมกัน มูลค่าคดี 9.2 ล้านบาท ต่อมาเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2564 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้บริษัทฯ รับมอบสินค้าคืน และชำระค่าสินค้าให้แก่โจทก์ จำนวน 6.2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันฟ้อง ขณะเดียวกัน โจทก์ต้องชำระเงินค่าขายสินค้าให้แก่บริษัทฯ จำนวน 0.3 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราเดียวกัน

ต่อมาเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2565 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแก้ให้โจทก์ชำระเงินแก่บริษัทฯ เป็นจำนวน 97.9 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันที่ 13 ธันวาคม 2561 จนถึง 10 เมษายน 2564 และร้อยละ 5 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น

ภายหลังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2565 กรมบังคับคดีได้มีคำสั่งให้อายัดเงินในบัญชีเงินฝากของโจทก์ เลขที่ 4085540388 ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเทสโก้โลตัสฟอร์จูนทาวน์ จำนวน 126,186,989.36 บาท ตามคำร้องที่บริษัทฯ ยื่นต่อศาลเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2565 อย่างไรก็ตาม โจทก์ได้ยื่นฎีกาและคำขออนุญาตฎีกาต่อศาลเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 ซึ่งบริษัทฯ ได้ยื่นคำคัดค้านต่อศาลแล้วเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2565

จากการประเมินของฝ่ายบริหารและที่ปรึกษากฎหมาย บริษัทฯ เชื่อว่าการวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลยังมีความคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับประเด็นระหว่างสัญญาซื้อขายสินค้าและสัญญาฝากขายสินค้า โดยบริษัทฯ มั่นใจว่าตนเองมิได้เป็นฝ่ายผิดข้อตกลง และคาดว่าจะเป็นฝ่ายชนะคดี

ต่อมาเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 บริษัทฯ ได้รับหมายศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา และคำสั่งศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ในวันที่ 24 มีนาคม 2568 ซึ่งศาลฎีกามีคำพิพากษาให้โจทก์ชำระเงินแก่บริษัทฯ รวมทั้งสิ้น 67,310,488.12 บาท โดยแบ่งเป็นเงินต้น 48,994,565 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี สำหรับช่วงวันที่ 13 ธันวาคม 2561 – 10 เมษายน 2564 และร้อยละ 5 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 – 24 มกราคม 2568 รวมถึงค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายจำนวน 479,888 บาท

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการยื่นคำขอรับชำระหนี้เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ การชนะคดีในครั้งนี้ไม่เพียงยืนยันถึงความถูกต้องของบริษัทฯ เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงและการวางแผนเชิงกลยุทธ์ของฝ่ายบริหาร ซึ่งคาดว่าจะส่งผลเชิงบวกต่อฐานะทางการเงินและศักยภาพในการเติบโตของบริษัทฯ ในระยะยาว ทั้งนี้ บริษัทฯ จะรายงานความคืบหน้าต่อไปหากมีเหตุการณ์ที่มีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจหรือสิทธิของผู้ถือหุ้น และจะดำเนินการแจ้งให้ทราบตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

Back to top button