
หุ้นสหรัฐพุ่ง! ดาวโจนส์ ปิดบวก 597 จุด ขานรับสัญญาณ “ทรัมป์” คลายเทรดวอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วิ่งแรง! ดาวโจนส์พุ่ง 597 จุด รับสัญญาณ “ทรัมป์” อาจยืดหยุ่นมาตรการภาษี ลดเสี่ยงสงครามการค้า
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดสัปดาห์ในวันจันทร์ (24 มี.ค.68) ปิดบวก ดัชนีทั้ง 3 ตัวหลักปิดตลาดเพิ่มขึ้นทั้งหมด หลังสัญญาณชี้ว่า มาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) จะใช้เฉพาะบางอุตสาหกรรม แทนการบังคับใช้ทั่ววงกว้าง
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 42,583.32 จุด เพิ่มขึ้น 97 จุด หรือ 1.42%
- ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 5,767.57 จุด เพิ่มขึ้น 01 จุด หรือ 1.76%
- ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 18,188.59 จุด เพิ่มขึ้น 54 จุด หรือ 2.27%
แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะยืนกรานมาเสมอว่า จะประกาศใช้ภาษีศุลกากรตอบโต้ ตามแผนในวันที่ 2 เม.ย. ที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตาม รายงานจากสื่อต่างประเทศซึ่งอ้างอิงเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ระบุว่า มาตรการภาษีศุลกากรที่จะเรียกเก็บเป็นรายภาคอุตสาหกรรม เช่น ภาษีนำเข้ารถยนต์ และเซมิคอนดักเตอร์ มีแนวโน้มว่าจะยังไม่ประกาศใช้ในวันดังกล่าว และอาจจะมีการยกเว้นภาษีสำหรับบางประเทศ
นักลงทุนมองว่านี่เป็นสัญญาณว่า ทรัมป์อาจยืดหยุ่นนโยบายการค้า ลดความรุนแรงของสงครามการค้า และช่วยหนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่กำลังเผชิญความเสี่ยงถดถอย
ตลาดตอบรับเชิงบวก ดาวโจนส์พุ่งเกือบ 600 จุด ส่วน S&P 500 แตะจุดสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์ นำโดยหุ้นสินค้าฟุ่มเฟือย บวก 4.07% ตามด้วยหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร ที่เพิ่มขึ้น 2.10% อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค กลับปรับตัวลงเล็กน้อย
ภาคผลิตหดตัว-ภาคบริการขยายตัว
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่น่าสนใจ เอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global Ratings) เปิดเผยรายงานล่าสุดว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคม ปรับตัวลงสู่ระดับ 49.8 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 52.7 ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยดัชนี PMI ที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตอยู่ในภาวะหดตัว ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนมีนาคมปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 51.0 ในเดือนก.พ. โดยดัชนี PMI อยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคบริการอยู่ในภาวะขยายตัว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผย ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)