
กมธ.ฯ วุฒิสภา จี้ ตลท. ทบทวนใช้โปรแกรม HFT กระทบตลาดหุ้นไทย
กมธ.การเทคโนโลยีสารสนเทศฯ วุฒิสภา จี้ ตลท. ทบทวนใช้โปรแกรม HFT หลังพบมีผลกระทบต่อความเสถียรของตลาดหุ้นไทย “หมอเปรมศักดิ์” ย้ำเกาะติดต่อเนื่อง หลังประชุมร่วม “ตลท. - ก.ล.ต. - คลัง” เร่งแก้ปัญหา
วันนี้ (25 มี.ค. 68) นพ.เปรมศักดิ์ เพียรยุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา ผู้ยื่นญัตติแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้โปรแกรมซื้อขายหุ้นความถี่สูง (High Frequency Trading หรือ HFT) หรือการซื้อขายความถี่สูง เป็นการใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นในระยะเวลาสั้น ๆ ด้วยความเร็วสูง ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนรายใหญ่ได้เปรียบในการเคลื่อนไหวของตลาดที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดทุนและเศรษฐกิจของประเทศ

นพ.เปรมศักดิ์ เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่า ในการประชุมของกมธ.ฯ เมื่อวันที่ 24 มี.ค.68 ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.), สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.), และกระทรวงการคลัง มาเข้าร่วมชี้แจง โดยมีนายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานกฎหมายฯ จาก ตลท. และตัวแทนจากหน่วยงานอื่น ๆ เข้าร่วมด้วย
ในการประชุมดังกล่าว ที่ประชุมได้รับฟังการชี้แจงถึงสาเหตุที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นตกลงกว่า 1,200 จุด ซึ่งหลายฝ่ายได้แสดงความห่วงใยเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ โดย ตลท. ชี้แจงว่า มีปัจจัยหลายประการที่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น
อย่างไรก็ตาม กมธ. ได้เน้นย้ำถึงมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการใช้โปรแกรม HFT ซึ่งเป็นการเทรดที่ใช้เทคโนโลยีมาช่วยทำให้ผู้เล่นหุ้นรายใหญ่ โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติได้เปรียบนักลงทุนรายย่อย มีผลทำให้ตลาดหุ้นตกต่ำและลดจำนวนผู้ลงทุนรายย่อยจาก 70% เหลือเพียง 20% ซึ่งสะท้อนถึงความไม่ยั่งยืนของตลาด
ขณะที่ ก.ล.ต. ได้กล่าวถึงมาตรการเดิมที่ถูกดำเนินการโดย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นมาตรการที่ได้ผลดี แต่ทาง ก.ล.ต. ก็ยังคงรอดูการปรับเปลี่ยนของมาตรการโดย ตลท.
ขณะเดียวกัน สมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นตัวแทนของนักลงทุนรายย่อย ได้แสดงจุดยืนสนับสนุนการแก้ไขปัญหานี้ เนื่องจากนักลงทุนรายย่อยถือเป็นกลุ่มผู้ลงทุนที่สำคัญในตลาดหลักทรัพย์และควรได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุม นายนิเวศ พันธ์เจริญวรกุล ประธานกมธ.ฯ ได้เน้นย้ำให้ทั้ง ตลท. และ ก.ล.ต. ไปทบทวนมาตรการที่มีผลกระทบต่อความเสถียรของตลาดหุ้น โดยเฉพาะการใช้ HFT ซึ่งเป็นผลอย่างมากที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอย่างที่ควรจะร่วมมือกันแก้ไข ไม่ควรโยนว่า เป็นเพราะปัจจัยนั้นปัจจัยนี้และไม่แก้ไขสาเหตุ อย่างไรก็ตาม ทาง ตลท. ระบุว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเฮียริ่ง (Public Hearing) การใช้ HFT ที่จะดำเนินการจนถึงวันที่ 31 มี.ค.นี้ ซึ่งที่ประชุมได้ขอให้รายงานผลการดำเนินการให้กมธ.ฯ ทราบเป็นลายลักษณ์อักษร
นพ.เปรมศักดิ์ แสดงความเห็นด้วยว่า การจะได้ผลหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับกระบวนการเฮียริ่งว่ามีการชี้นำหรือไม่ และหากมีการสอบถามก็ต้องเป็นไปในลักษณะที่เป็นกลาง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน
นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังมีการพูดถึงปัญหาชอร์ตเซลล์ (Short Sell) ซึ่ง ตลท. ชี้แจงว่าไม่ใช่สาเหตุหลักของปัญหานี้ แต่ กมธ.ฯ ยืนยันว่า ทุกปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประโยชน์ของประเทศควรได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง และยืนยันจะติดตามผลการดำเนินการต่อไปอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลว่าตลาดหุ้นจะฟื้นตัวขึ้นหรือไม่ โดย กมธ.ฯ จะติดตามการดำเนินการของ ตลท. และ ก.ล.ต. ต่อไป หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ลงทุนรายย่อยจะเสนอให้ผู้มีอำนาจในระดับสูงเข้ามาชี้แจงและหาทางออกในการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS มองว่า มติดังกล่าวมีแนวโน้มเป็นบวกต่อจิตวิทยาของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET) โดยคาดว่า ความผันผวนในตลาดจะลดลง และจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับการลงทุนระยะกลางถึงยาวในช่วงถัดไป
นอกจากนี้ KSS ได้แนะนำกลยุทธ์การลงทุนโดยเน้นหุ้น 10 ตัวที่มีศักยภาพในกลุ่ม “Deep Value” ซึ่งรวมถึงหุ้นเด่น เช่น CPALL, BDMS, MINT, BH, GPSC, SCGP, HMPRO, KBANK, BBL และ AOT ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลดีจากการพัฒนาทางบวกในเรื่องการทบทวนเกณฑ์ HFT และมีความน่าสนใจในการลงทุนมากขึ้นในอนาคต