“พิชัย” ลั่นกลางสภา แผนแก้หนี้มุ่งช่วย “รายเล็ก” หลังปชช. ลงทะเบียนแล้ว 4.5 แสนบัญชี

นายพิชัย ชุณหวชิร เผยกลางที่ประชุมสภา ย้ำแผนแก้หนี้ประชาชน รัฐมุ่งช่วยลูกหนี้รายเล็ก ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ชี้มีประชาชนเข้าร่วมแล้ว 4.5 แสนบัญชี


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (25 มี.ค.68) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึง ถึงประเด็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการซื้อหนี้ประชาชน ที่มุ่งเน้นรายเล็กต่อที่ประชุมสภาฯ ในวาระอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่ง กล่าว่า

ไม่อยากเรียกว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ต้องเติมเม็ดเงินเข้าไปในระบบ วันนี้หนี้ถึงระดับที่ทุกคนรับไม่ไหว การสเตเบิลคอยน์ต้องใช้ระวัง ทั้งนี้ ตามกฎหมาย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้น กระทรวงการคลัง ไม่สามารถพิมพ์เงินใหม่เพื่อแข่งกับ ธปท. ได้ แต่ท่ีต้องทำเพื่อให้มีสภาพคล่อง และเข้าถึงรายย่อยมากขึ้น ซึ่งจะเป็นจีโทเคน ไม่ใช่เงินใหม่ ซึ่งใครมีสามารถเข้าไปแลกเปลี่ยนได้ หากเป็นแบบนี้ใครที่เงินฝาก 20,000 บาทสามารถซื้อธนบัตรรัฐบาลได้  ทั้งนี้ ธปท.ยังไม่เห็นด

สำหรับการแก้หนี้ ปกติขั้นตอนทั่วไปต้องขอยืดหนี้ให้น้อยลง ยาวขึ้น ซึ่งทำได้เฉพาะคนที่มีกำลัง ทั้งนี้ เป็นข้อเท็จจริงของการแก้หนี้ให้คนที่มีหนี้ไม่เยอะ เงินที่ช่วยเหลือปรับโครงสร้างหนี้ ใช้ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง

สำหรับหนี้ที่มี 13.6 ล้านล้านบาท ไม่คิดว่าซื้อหนี้ทั้งระบบเพราะไม่มีปัญญา ทั้งนี้ ในจำนวนดังกล่าวมีหนี้ที่ไม่เสียปนอยู่ จำนวน 6 ล้านล้านบาท แต่จะเลือกซื้อหนี้เสียแล้ว แต่จะไม่เลือกกลุ่มที่ลูกหนี้กับเจ้าหนี้เจรจากัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ขนาดใหญ่ มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน รัฐจะเลือกลูกหนี้ที่ไม่มีปัญญา ไม่มีหลักทรัพย์ กู้มากิน และตามตัวไม่ได้

โดยทั่วไป การแก้ไขปัญหาหนี้มักดำเนินการผ่านการขยายระยะเวลาชำระหนี้และลดภาระดอกเบี้ย ซึ่งเป็นแนวทางที่ใช้ได้กับลูกหนี้ที่ยังมีกำลังชำระหนี้อยู่ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้มักช่วยได้เฉพาะลูกหนี้ที่มีภาระหนี้ไม่สูงมาก และจากการประเมินพบว่า เงินที่ใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้จริงๆ อาจไม่ถึงครึ่งหนึ่งของงบประมาณที่จัดสรรไว้

ปัจจุบัน หนี้รวมในระบบมีมูลค่าประมาณ 13.6 ล้านล้านบาท ซึ่งการซื้อหนี้ทั้งหมดไม่ใช่ทางเลือกที่เป็นไปได้ ขณะที่ ในจำนวนนี้มีหนี้ที่ยังไม่เป็นหนี้เสีย (NPL) คิดเป็น 6 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ รัฐจะไม่เลือกกลุ่มที่ลูกหนี้กับเจ้าหนี้เจรจากัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ขนาดใหญ่ มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยรัฐจึงมุ่งเน้นไปที่ การจัดการหนี้เสีย โดยเฉพาะลูกหนี้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน กู้เงินมาใช้จ่ายเพื่อการดำรงชีพ และไม่สามารถติดตามตัวได้

ขณะที่ หนี้ที่มีปัญหา 3 ล้านคน มีหนี้ติดอยู่ 1.2 แสนล้านบาท ด้วยเงินนิดเดียวทำให้คนมีความทุกข์ ซึ่งจะทำให้หาทางละเว้นเอ็นซีบี เฉพาะกลุ่มมีรหัสพิเศษ หากหลุดพ้นต้องหาทางกู้ใหม่ คือ การให้โอกาส ส่วนจะได้กู้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิสูจน์ วันนี้ให้ธนาคารออมสินนำร่องโดยใช้เงิน 4,000 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยน้อยพบว่า เปิดได้ 3 วัน มีเข้ามา 4.5 แสนบัญชี หากควบคุมได้กำกับดีจะช่วยแก้ปัญหาตัวเล็กๆ ได้

Back to top button