“พิชัย” โต้ “ศิริกัญญา” มั่นใจจีดีพีทะลุ 3% เดินหน้าซื้อหนี้ประชาชน 4 พันล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 มี.ค. 68) เป็นวันที่ 2 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติการอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามที่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และคณะจำนวน 165 คน เป็นผู้เสนอ

โดย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ชี้แจงภายหลัง น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายหัวข้อการบริหารงานด้านเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรี หลังออกมาพูดเรื่องจีดีพีว่าจะโต 3-5% แต่ชาวบ้านไม่ได้รู้สึกด้วย เพราะเงินในกระเป๋าประชาชนไม่ได้เพิ่มไปด้วย รายได้ของชาวนาชาวไร่ลดลง 40% รายได้แรงงานก็ไม่โต แล้วชาวบ้านจะสนทำไมว่าจีดีพีปีนี้จะเป็นเท่าไรoyho

นายพิชัย ชี้แจงว่า แม้สถานการณ์เศรษฐกิจอาจดูไม่น่าพอใจ แต่ยังมีความหวัง จีดีพีตั้งเป้าไว้ที่ 3% และเชื่อมั่นว่าจะเติบโตได้แม้จะช้า โดยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เราโตที่ 3.1% ซึ่งจำเป็นต้องผลักดันต่อไปให้ถึงเป้าหมาย

อีกทั้ง นายพิชัย ยังชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับการส่งออกสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ว่าควรลดพื้นที่เพาะปลูกข้าวลง และใช้พื้นที่เพาะปลูกสำหรับพืชอื่น ๆ ที่คุ้มค่ากว่า เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร สำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรม ต้องพิจารณาการปรับตัวและรักษาโครงสร้างเดิม เช่น การปรับอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นไฮบริดเพื่อลดราคาค่าไฟฟ้า

ส่วนการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวนั้น นายพิชัย กล่าวว่า จำนวนของนักท่องเที่ยวลดลง แต่ควรหาทางให้นักท่องเที่ยวอยู่ในประเทศนานขึ้น ความสำคัญของสภาพคล่องทางการเงินถูกเน้นย้ำด้วยการเสนอการใช้ จีโทเคน แทนการพิมพ์เงินใหม่ รวมถึงการแก้ไขหนี้ผ่านกระบวนการขอยืดเวลาการชำระหนี้และการจัดการหนี้เสีย

สำหรับการแก้ปัญหาหนี้สิน นายพิชัยระบุว่าเราต้องให้โอกาสกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่มีปัญญา ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยเริ่มต้นด้วยโครงการนำร่องจากธนาคารออมสิน โดยใช้เงิน 4,000 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้คนที่มีปัญหาหนี้สามารถกลับมากู้ยืมใหม่และฟื้นฟูชีวิตของพวกเขาได้