NPS ผงาดผู้นำ “พลังงานสะอาด-โลจิสติกส์สีเขียว” รุกขยายฐานดึงต่างชาติลงทุนไทย

NPS ประสบความสำเร็จขยายฐานลูกค้าอุตสาหกรรม ปักธงผู้นำ “พลังงานสะอาด-โลจิสติกส์สีเขียว” หนุนไทยโกยเม็ดเงินลงทุนต่างชาติพุ่ง 8.3 แสนล้าน สูงสุดในรอบทศวรรษ


นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ NPS เผยว่าในปี 2567 ประเทศไทยมีการลงทุนจากต่างประเทศขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาถึง 25% คิดเป็นมูลค่า 8.3 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นยอดลงทุนที่สูงสุดในรอบ 10 ปีของประเทศ

โดยในส่วนของ NPS ประสบความสำเร็จในการขยายฐานลูกค้าอุตสาหกรรม สามารถดึงดูดการลงทุนได้จากความโดดเด่นในเรื่องของไฟฟ้าพลังงานสะอาดและอ่างเก็บน้ำสะอาดประสิทธิภาพสูง ซึ่งตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่ต้องการพลังงานสะอาดและใช้น้ำในปริมาณมากได้เป็นอย่างดี

ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar Farm) กำลังผลิต 157 MW ส่วนที่ติดตั้งแล้วเสร็จ 90 MW มีส่วนช่วยให้ NPS บริหารจัดการเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงได้อย่างมีนัยสำคัญ ในปี 2567 ส่วนที่เหลืออีกจำนวน 67 MW ได้ทยอยแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม จำนวน 21 MW และเดือนพฤษภาคมจำนวน 46  MW สำหรับโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงยางไม้กำลังผลิต 115 MWได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่กลางปี 2567 แล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2570

นายโยธิน กล่าวต่อว่า NPS ได้จัดตั้งบริษัท เอ็นพีเอส กรีน โลจิสติกส์ จำกัด เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 เพื่อดำเนินธุรกิจ Green Logistics ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งนอกจากรถ EV TRUCK จำนวน 215 คันที่นำมาใช้งานอย่างเต็มที่แล้ว บริษัทฯ ยังได้ติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าจำนวน 5 แห่ง ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา 2 สถานี จังหวัดปราจีนบุรี ชลบุรี และระยอง แห่งละ 1 สถานี

โดยสถานีชาร์จไฟฟ้าที่จังหวัดปราจีนบุรีเป็นหนึ่งในสถานีอัดประจุไฟฟ้าเป็นสถานีสลับแบตเตอรี่แบบอัตโนมัติ (Swapping Station) ติดตั้งใช้งานแห่งแรกของประเทศไทย สามารถให้บริการเปลี่ยนแบตเตอรี่ขนาด 282 กิโลวัตต์-ชั่วโมง วันละ 168 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีแผนจะติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าเพิ่มที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและนครราชสีมาอีกจังหวัดละ 1 สถานี ภายในเดือนมิถุนายน 2568

อนึ่ง NPS มุ่งสู่การเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนแบบผสมผสานทั้งชีวมวลและพลังงานแสงอาทิตย์ (SOLAR BIOMASS HYBRID) และพัฒนาแหล่งน้ำอุตสาหกรรม Low Carbon โดยลดการพึ่งพาแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อสร้างจุดแข็งในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติของประเทศไปพร้อม ๆ กับการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนร่วมกันระหว่าง บริษัทฯ ชุมชน เกษตรกร และกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียครบทุกภาคส่วน

Back to top button