คัด 13 หุ้นเด่นไตรมาส 2 รับมือ “ตลาดหุ้น” ผันผวน

จังหวะลงทุน 13 หุ้นเด่นเน้นลงทุนไตรมาส 2 หลังโบรกมอง “ตลาดหุ้นไทย” ยังเผชิญกับความผันผวนทั้งจากภายในประเทศ และภายนอกประเทศ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธินับจากต้นปีจนถึงปัจจุบันเฉียด 4 หมื่นล้าน


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 2/68 โดยนักวิเคราะห์จากหลายสำนักคาดการณ์ว่ายังคงเผชิญกับความผันผวนจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ

โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) มีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อดูจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน (28 มี.ค.68) พบว่าดัชนี SET ปรับตัวลดลงมากว่า 224.76 จุด มาปิดที่ระดับ 1,175.45 จุด หรือคิดเป็นการปรับตัวลดลงมา 16.05% โดยมีแรงกดดันสำคัญจากการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่มียอดสะสมสูงอย่างชัดเจนถึง 38,379.82 ล้านบาท

ประกอบกับแรงขายจากนักลงทุนสถาบันและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ แม้จะมีแรงซื้อจากนักลงทุนรายย่อย แต่ยังไม่เพียงพอที่จะหนุนตลาดให้ฟื้นตัวขึ้นได้อย่างมีเสถียรภาพ

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกสำคัญที่อาจช่วยสนับสนุนตลาดในช่วงไตรมาส 2/68 ได้แก่ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง การลงทุนจากภาครัฐ และการบริโภคภายในประเทศที่มีแนวโน้มดีขึ้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มี.ค.68 นายสรวงศ์ เทียนทอง ได้มีการรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศช่วงโลว์ซีซั่น (พ.ค.-ก.ย.68) โดยรัฐบาลจะร่วมสนับสนุนค่าใช้จ่ายการท่องเที่ยวกับประชาชนคนละครึ่ง คาดการณ์ว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยตรงในหลายภาคส่วน

สำหรับหุ้นที่จะได้รับประโยชน์อย่างชัดเจน ได้แก่ กลุ่มโรงแรม เช่น บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ซึ่งมีรายได้จากประเทศไทยสูงถึง 88% และมีโรงแรมราคาประหยัดแบรนด์ “HOP INN” ที่ตั้งอยู่ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ที่มีสัดส่วนรายได้จากไทยประมาณ 80% และโรงแรมตั้งอยู่ในเมืองท่องเที่ยวหลักและรองทั่วประเทศ รวมถึง บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT แม้รายได้จากประเทศไทยมีเพียง 15% แต่ยังได้รับผลบวกจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทย

ด้าน กลุ่มการบิน และ สนามบิน ก็จะได้รับประโยชน์เช่นกัน อาทิ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ผู้ดำเนินธุรกิจสายการบินไทยแอร์เอเชีย ซึ่งจะได้ประโยชน์เพิ่มเติมหากรัฐบาลสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน และ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ที่จะได้ประโยชน์จากการเดินทางภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น

นอกจากนี้ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และ ค้าปลีก ยังมีแนวโน้มได้รับผลดี เช่น บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ที่จะได้ประโยชน์จากอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้นในโรงแรมที่บริหาร และ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ที่คาดการณ์ว่าจะมีการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวในห้างสรรพสินค้าและร้านค้าของบริษัททั่วประเทศ

ขณะที่หุ้นใน กลุ่มเครื่องดื่ม และ อาหาร จะได้อานิสงส์จากสภาพอากาศร้อนยาวถึงกลางเดือนพ.ค.68 ได้แก่ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI, บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE, บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ OISHI และ บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC ที่จำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ

รวมไปถึง หุ้นกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็จะได้ประโยชน์เช่นเดียวกัน อาทิ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER และ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KOOL ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงไตรมาส 2 นี้

ทั้งนี้ การคัดเลือกหุ้นเพื่อนำเสนอดังกล่าว เป็นการแนะนำตามปัจจัยเฉพาะตัว นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด รวมถึงปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะตลาดที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง เพื่อรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นและใช้ประโยชน์จากโอกาสการลงทุนที่ปรากฏในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

Back to top button