“ดาวโจนส์” ดิ่งหนัก 600 จุด กังวลเงินเฟ้อ หลัง Core PCE สูงกว่าคาด

“ดาวโจนส์” ดิ่ง 600 จุด กังวลเงินเฟ้อ หลังสหรัฐเปิดดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนก.พ.เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.7% จากระดับ 2.7% ในเดือนม.ค.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(28มี.ค.68) ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 600 จุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลต่อการทำสงครามการค้าของสหรัฐ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% เมื่อวันพุธ และมีแผนเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ในวันที่ 2 เม.ย.ต่อกลุ่มประเทศ “Dirty 15” หรือ 15 ประเทศที่เกินดุลการค้าสูงสุดต่อสหรัฐ

โดย ณ เวลา 22.03 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 42,001.00 จุด ลบ 601.00 จุด หรือ 1.41%

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.5% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์จากระดับ 2.5% ในเดือนม.ค.

โดยเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.พ. สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์จากระดับ 0.3% ในเดือนม.ค.

ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.7% จากระดับ 2.7% ในเดือนม.ค.

เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.3% จากระดับ 0.3% ในเดือนม.ค.

ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

Back to top button