
KBANK คาดกรอบบาทสัปดาห์หน้า 33.30-34.30 บ. จับตาทิศทาง “เงินเฟ้อ-ฟันด์โฟลว์”
“เงินบาท” ยังเผชิญแรงกดดันจากเงินดอลลาร์แข็งค่าและฟันด์โฟลว์ต่างชาติ ขณะที่ตลาดจับตาปัจจัยเศรษฐกิจสำคัญทั้งในและต่างประเทศ
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า (31 มีนาคม–4 เมษายน) อยู่ที่ระดับ 33.30-34.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม ที่ 33.98 บาทต่อดอลลาร์ โดยในช่วงต้นถึงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทอ่อนค่าลงตามทิศทางของสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค ซึ่งได้รับแรงกดดันจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางสัญญาณจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ยังไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ขณะเดียวกัน เงินบาทยังได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากการขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในช่วงท้ายสัปดาห์ที่เงินบาทกลับมาอ่อนค่าหลังจากแข็งค่าชั่วคราวในช่วงกลางสัปดาห์ ซึ่งเกิดจากแรงหนุนของราคาทองคำโลกที่พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ อย่างไรก็ตาม ความกังวลจากแรงขายหุ้นไทยของต่างชาติ รวมถึงการปิดการซื้อขายช่วงบ่ายของตลาดหุ้นไทยเนื่องจากเหตุแผ่นดินไหว ได้ส่งผลลบต่อค่าเงินบาทอีกครั้ง
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้า ได้แก่ ความคืบหน้าเรื่องการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐฯ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก กระแสเงินทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) และตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมีนาคมของไทย ขณะเดียวกัน ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะมีผลต่อทิศทางของเงินดอลลาร์ ได้แก่ ดัชนี ISM และ PMI ภาคการผลิตและบริการ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราว่างงานเดือนมีนาคม ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนกุมภาพันธ์ และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลดัชนี PMI เดือนมีนาคมของจีน ญี่ปุ่น ยูโรโซน และสหราชอาณาจักร รวมถึงอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลต่อกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายและความเคลื่อนไหวของค่าเงินในภูมิภาคอย่างใกล้ชิด