
ดักเก็บ! หุ้นกลุ่ม “วัสดุก่อสร้าง-เทคโนโลยี” รับประโยชน์ “แผ่นดินไหว”
โบรกแนะเก็บหุ้นกลุ่ม “วัสดุก่อสร้าง-เทคโนโลยี” รับประโยชน์แผ่นดินไหวขนาด 8.2 บริเวณมัณทะเล ประเทศเมียนมาร์ หากรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการณีเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 68 เวลา 13:25 น. เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 บริเวณมัณทะเล ประเทศเมียนมาร์ ส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนถึงประเทศไทย โดยประชาชนในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้สามารถรับรู้ถึงแรงสั่นไหวได้
ทั้งนี้ มีรายงานความเสียหายเกิดขึ้นในบางพื้นที่ จากการวิเคราะห์ของ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) พบว่าผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยอาจเป็นปัจจัยระยะสั้น โดยอ้างอิงเหตุการณ์สึนามิปี 2547 ที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง 2.2% ก่อนจะฟื้นตัวภายใน 4 วันทำการกลับมา ณ ระดับก่อนเกิดสึนามิ
จากกรณีศึกษาจากญี่ปุ่นในเหตุการณ์แผ่นดินไหวปี 2554 ขนาด 9 ริกเตอร์ พบว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง 16% ภายใน 1 สัปดาห์ โดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก และสายการบินได้รับผลกระทบหนัก ขณะที่กลุ่มก่อสร้างสามารถฟื้นตัวได้ดีกว่า ทั้งนี้ การฟื้นตัวของตลาดใช้เวลากว่า 21 เดือน
ในช่วงเวลาดังกล่าวพบว่าหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกจะได้แก่กลุ่ม Defensive เช่น บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS กลุ่มก่อสร้าง เช่น บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC และกลุ่มส่งออก เช่น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU มีแนวโน้มแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง เช่น SCC, SCCC อาจได้รับแรงหนุนจากความต้องการซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่หุ้นค้าปลีกวัสดุซ่อมแซมบ้าน เช่น บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO, บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL, บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME อาจได้อานิสงส์จากความต้องการปรับปรุงที่อยู่อาศัย และโทรคมนาคม บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE
ด้าน บริษัท หลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งล่าสุด ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย อาจเป็นสัญญาณเตือนให้แก่ผู้พักอาศัยในอาคารสูงในเมืองที่ไม่ได้รับการออกแบบให้รองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวอย่างเหมาะสม ปัญหาด้านความปลอดภัยอาจเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคกลุ่มรายได้ปานกลางถึงสูงไปสู่การเลือกอยู่อาศัยในบ้านแนวราบหรืออาคารที่มีจำนวนชั้นไม่สูงมาก (Low Rise)
หากการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจริง ภาคส่วนการปรับปรุงบ้านจะได้รับผลประโยชน์ตามมา โดยการเพิ่มขึ้นของความต้องการบ้านเดี่ยวจะทำให้การซื้อวัสดุก่อสร้างจากผู้รับเหมาคอนโดมิเนียมรายใหญ่เปลี่ยนไปสู่ผู้รับเหมาขนาดเล็ก ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของร้านค้าจำหน่ายวัสดุก่อสร้างชั้นนำ เช่น GLOBAL, DOHOME, ไทยวัสดุ และ MegaHome ในกรุงเทพฯ แม้ว่าที่ดินจะขาดแคลนและการสร้างบ้าน Low Rise ใหม่อาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด
อย่างไรก็ตาม CGSI เชื่อว่าจะมีการหันไปซื้อตึกแถวเก่าหรือบ้านมือสองเพื่อทำการปรับปรุง ซึ่งจะส่งเสริมความต้องการวัสดุสำหรับการตกแต่งใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้เล่นในตลาดอย่าง HMPRO ได้รับผลประโยชน์จากกระแสดังกล่าว