
“บล.กรุงศรี” มอง SET สัปดาห์นี้เสี่ยงลง พร้อมแนะลงทุน 3 หุ้นเด่น
บล.กรุงศรี คาด SET มีแนวโน้มปรับตัวลง จากแรงกดดันของปัจจัยลบ โดยเฉพาะผลกระทบจากแผ่นดินไหวต่อเศรษฐกิจ พร้อมแนะลงทุน 3 หุ้นเด่น คือ CPALL-CPAXT-BJC
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้รวบรวมกลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้ระหว่างวันที่ 31 มี.ค.-4 เม.ย.68 ซึ่งเป็นบทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS คาดการณ์ว่าตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้ามีแนวโน้มปรับตัวลง (Down) จากแรงกดดันของปัจจัยลบ โดยเฉพาะผลกระทบจากแผ่นดินไหวต่อเศรษฐกิจ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังต้องติดตามความชัดเจนเกี่ยวกับ “ภาษีเท่าเทียม” ที่จะมีการพิจารณาในวันที่ 2 เม.ย. 2568 รวมถึงรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ (ISM PMI และภาคการจ้างงาน) และดัชนี PMI ของจีน
เน้นลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการจำเป็น โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกสินค้าจำเป็นที่มีมูลค่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน (Deep Value) และกลุ่มสื่อสาร
สำหรับหุ้นเด่นประจำสัปดาห์นี้ ได้แก่ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ซึ่งมีราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 80 บาท เป็นหุ้นมูลค่าต่ำ (Deep Value) ที่ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าจำเป็น ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวน้อย บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ซึ่งมีราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 30 บาท ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าจำเป็น และได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวต่ำ และบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ซึ่งมีราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 30 บาท เป็นหุ้นมูลค่าต่ำ (Deep Value) ที่มีโอกาสลุ้นแผนซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) และจำหน่ายสินค้าจำเป็น จึงได้รับผลกระทบน้อย
สำหรับผลตอบแทนของหุ้นเด่นสัปดาห์ก่อน ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ซึ่งให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.4% เทียบกับดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ที่ปรับตัวลง -0.94%
กลุ่มหุ้นแนะนำสำหรับการลงทุน ได้แก่ AMATA, AP, BA, BH, BTS, CPALL และ MTC
ขณะที่หุ้นเด่นที่คาดการณ์ว่ามีกำไรเติบโตดีในไตรมาส 1/2568 ได้แก่ ADVANC, AWC, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, IVL, KBANK, KTB และ TRUE
ส่วนหุ้นเด่นในกลุ่มกลาง-เล็ก (Mid-Small Cap Play) ได้แก่ INSET, JMT, MALEE และ MOSHI
โดยปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลต่อตลาดหุ้นไทย ได้แก่ ผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่อาจกดดันเศรษฐกิจ ความชัดเจนเกี่ยวกับ “ภาษีเท่าเทียม” ในวันที่ 2 เม.ย. 2568 รายงานเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น ISM PMI และข้อมูลการจ้างงาน รวมถึงดัชนี PMI ของจีน ซึ่งจะสะท้อนภาพรวมภาวะเศรษฐกิจ นักลงทุนควรจับตาดูปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิดเพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสม