
CGSI หั่นเป้า SET ปีนี้เหลือ 1,200 จุด หลัง “สหรัฐ” เก็บภาษีตอบโต้ไทยฉุด GDP หดตัว 1.2%
CGSI ประเมินมาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐฯ กระทบเศรษฐกิจไทยรุนแรงกว่าคาด กดดันส่งออก-บริโภคในประเทศ ฉุด EPS ตลาดหุ้นไทยลง 10%
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI เปิดเผยในบทวิเคราะห์วันนี้ (3 เม.ย.68) ว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีตอบโต้จากประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะไทย ของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ
โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากอัตราภาษีใหม่ที่เรียกเก็บจากไทยในระดับสูงถึง 36% จากสินค้าไทยที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ตามรายงานของ Yahoo Finance ขณะที่สื่อ Reuters ระบุว่า มาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายน 2568 และมาตรการเก็บภาษีพื้นฐานในอัตรา 10% จะมีผลวันที่ 5 เมษายนนี้
ทั้งนี้ ทำเนียบขาวระบุว่า เมื่อรวมมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษีแล้ว อัตราภาษีรวมต่อสินค้าไทยสูงถึง 76% ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลไทยคาดการณ์ว่าการเก็บภาษีดังกล่าวจะกระทบต่อมูลค่าการส่งออกไทยประมาณ 7,000-8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 13-15% ของการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และประมาณ 2.3% ของมูลค่าการส่งออกโดยรวมในปี 2567 โดยฝ่ายไทยมีแผนเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรและพลังงานจากสหรัฐฯ รวมถึงส่งเสริมให้ภาคเอกชนไทยขยายการลงทุนในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม CGSI เห็นว่า การลดภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรเพื่อแลกเปลี่ยนกับการลดภาษีนำเข้าไทยเป็นไปได้ยาก เนื่องจากต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของเกษตรกรไทย
CGSI ประเมินว่าหากผลกระทบจากมาตรการภาษีดังกล่าวส่งผลให้มูลค่าการส่งออกและนำเข้าของไทยลดลง 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าในปี 2568 อาจกระทบต่อ GDP โดยตรงราว 0.5% และอีก 0.4-0.7% จากผลกระทบทางอ้อม เช่น การลดลงของการบริโภคในประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานระดับล่างที่อาจได้รับผลกระทบจากการลดชั่วโมงทำงานและรายได้โดยรวม ส่งผลให้ผลกระทบต่อ GDP รวมอยู่ในช่วง 0.9-1.2% หากไม่มีปัจจัยสนับสนุนอื่นเพิ่มเติม
โดยภายใต้สมมติฐานดังกล่าว CGSI จึงปรับลดประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ของตลาดหุ้นไทยลงประมาณ 10% และปรับลดเป้าหมายดัชนี SET สิ้นปี 2568 จากเดิมที่ 1,380 จุด เหลือ 1,200 จุด ซึ่งเทียบเท่ากับ P/E 13.4 เท่า หรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ระดับ -1SD
พร้อมแนะนำให้นักลงทุนเน้นลงทุนในหุ้นที่มีความปลอดภัยสูง มีกระแสรายได้ภายในประเทศ (domestic defensive) และหุ้นปันผลสูง โดยหุ้นเด่น (Top Pick) ได้แก่ BH, CBG, CPALL, CPN, HANA, KTB, MINT, MTC, PTTEP, SCB, PR9 และ SIRI
ทั้งนี้ CGSI ชี้ว่า ความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และสถานการณ์การเมืองในประเทศยังคงเป็นความเสี่ยงสำคัญ (downside risk) ต่อเศรษฐกิจไทยและตลาดหุ้น ขณะที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ อาจเป็นปัจจัยหนุนต่อดัชนี SET ในช่วงที่เหลือของปี