“ตลาดหุ้นญี่ปุ่น–ไต้หวัน” ทรุดหนัก งัดใช้ Circuit Breaker สกัดแรงเทขาย กังวลเทรดวอร์ปะทุ

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นและไต้หวันเผชิญความผันผวนรุนแรง หลังจากดัชนีร่วงหนักถึง 8-10% ส่งผลให้ต้องใช้มาตรการ Circuit Breaker หยุดซื้อขายชั่วคราว กังวลนโยบานภาษีทรัมป์ พร้อมทั้งมีการระงับการขายชอร์ตในไต้หวันเพื่อควบคุมสถานการณ์


ผู้สื่อข่าวรายงาน (7 เม.ย.68) ตลาดหุ้นญี่ปุ่นและตลาดหุ้นไต้หวันเผชิญภาวะผันผวนรุนแรง ส่งผลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องนำมาตรการ “Circuit Breaker” หรือการหยุดการซื้อขายชั่วคราวมาใช้ เพื่อควบคุมแรงเทขายและให้เวลานักลงทุนประเมินสถานการณ์

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เปิดการซื้อขายในช่วงเช้าท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั้งในประเทศและระดับโลก โดยดัชนี Nikkei 225 ร่วงลงกว่า 8% แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 18 เดือน ขณะที่ดัชนี Topix ซึ่งสะท้อนภาพรวมของตลาดที่กว้างกว่า ปรับตัวลดลงถึง 8.60% ส่งผลให้ตลาดต้องใช้มาตรการ Circuit Breaker เพื่อชะลอแรงขาย

ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นไต้หวัน ซึ่งเพิ่งกลับมาเปิดทำการหลังปิดตลาดในวันพฤหัสบดีและศุกร์ที่ผ่านมา เผชิญแรงเทขายอย่างหนักเช่นกัน โดยดัชนีหลักของตลาดปรับตัวลดลงเกือบ 10% ต่ำสุดในรอบกว่าหนึ่งปี ทำให้ระบบซื้อขายต้องหยุดทำการชั่วคราวตามกลไก Circuit Breaker โดยอัตโนมัติ

สำนักงานกำกับดูแลด้านการเงินของไต้หวัน ออกแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ระบุว่า จะมีการระงับการขายชอร์ต (Short-selling) ชั่วคราวเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อควบคุมความผันผวนและลดแรงเก็งกำไรที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของตลาด

บริษัทจดทะเบียนชั้นนำของไต้หวัน อาทิ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) และ Foxconn ต่างได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว โดยราคาหุ้นของทั้งสองบริษัทปรับตัวลดลงเกือบ 10%

ความเคลื่อนไหวในตลาดเอเชียครั้งนี้มีสาเหตุหลักจากการที่ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศมาตรการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าชุดใหม่ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะในไต้หวัน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตเทคโนโลยีและมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐฯ

ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนระหว่างโดยสารบนเครื่องบิน Air Force One ว่า

“บางครั้งเราจำเป็นต้องกินยา แม้จะไม่ชอบใจ เพื่อรักษาสิ่งที่ผิดปกติ ผมไม่ได้ต้องการเห็นตลาดหุ้นร่วง แต่บางครั้งมันเป็นสิ่งจำเป็น”

ทั้งนี้ ประธานตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน ยืนยันว่า หากสถานการณ์ยังคงมีความผันผวนในระดับสูง จะมีการดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดตามความเหมาะสม

สถานการณ์ล่าสุดสะท้อนถึงระดับความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มสูงขึ้น และความเปราะบางของตลาดการเงินต่อปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้

Back to top button