“หุ้นเอเชีย” เปิดทรุดหนัก กังวล “สงครามการค้า” เดือด หวั่นเศรษฐกิจถดถอย

ตลาดหุ้นทั่วเอเชียเปิดตลาดในแดนลบอย่างรุนแรง หลังทรัมป์ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสูงเกินคาด กระตุ้นความวิตกสงครามการค้าที่อาจลุกลาม ส่งผลให้ดัชนีหลักร่วงหนักทั่วภูมิภาค


ผู้สื่อข่าวรายงาน (7 เม.ย.68) ตลาดหุ้นทั่วภูมิภาคเอเชียเปิดการซื้อขายในแดนลบอย่างรุนแรงในวันนี้ ท่ามกลางแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มสงครามการค้าที่อาจปะทุขึ้น หลังจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราสูงเกินคาด

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยดัชนี Nikkei 225 เปิดตลาดที่ระดับ 31,833.43 จุด ลดลง 1,930.31 จุด หรือคิดเป็น -5.74% และในระหว่างการซื้อขายช่วงเช้า ดัชนีร่วงลงถึง 8% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน ส่งผลให้ต้องมีการระงับการซื้อขายฟิวเจอร์สชั่วคราว หลังแตะระดับ circuit breaker ขณะที่ดัชนี Topix ซึ่งสะท้อนภาพรวมของตลาด ลดลงถึง 8.60%

ตลาดอื่นในเอเชียได้รับผลกระทบตามไปด้วย ดัชนี Taiwan Weighted ร่วงลง 9.63% ส่วนดัชนี Hang Seng ของฮ่องกง ลดลง 9.14% ด้านตลาดหุ้น เกาหลีใต้ ดัชนี Kospi ลดลง 4.30% และดัชนี Kosdaq ที่เน้นหุ้นขนาดกลางและเล็ก ปรับลดลง 3.50%

ด้านออสเตรเลีย เปิดตลาดด้วยแรงขายอย่างหนัก ดัชนี ASX 200 ดิ่งลงทันที 6% สะท้อนความตื่นตระหนกของนักลงทุนทั่วภูมิภาค

ขณะที่ตลาดหุ้นใน อินเดีย, จีน, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย และไทย ปิดทำการเนื่องในวันหยุดแรงงาน

ในส่วนของตลาดล่วงหน้าในสหรัฐฯ มีสัญญาณเชิงลบเช่นกัน โดยนักลงทุนแสดงความผิดหวังต่อความสามารถของรัฐบาลทรัมป์ในการแก้ไขสถานการณ์ผ่านการเจรจาทางการทูต ดัชนี Dow Jones Futures ร่วงลง 2.57%, S&P 500 Futures ลดลง 3% และ Nasdaq Futures ดิ่งลงถึง 4.20%

สถานการณ์ตลาดได้รับแรงกดดันจากนโยบายภาษีที่สูงเกินคาด ซึ่งสวนทางกับหลักเศรษฐศาสตร์ทั่วไป และทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อ จีน ประกาศใช้มาตรการตอบโต้ทันที โดยเรียกเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 34% กับสินค้าทั้งหมดจากสหรัฐฯ โดยไม่มีการเปิดเจรจา นำไปสู่ความกังวลว่าอาจลุกลามเป็นสงครามการค้าเต็มรูปแบบ

Back to top button