“ดาวโจนส์” ร่วง 730 จุด หลังทำเนียบขาว ปฎิเสธข่าว “ทรัมป์” ระงับขึ้นภาษีทุกประเทศ 90 วัน

ดัชนีดาวโจนส์ กลับมาร่วง 730 จุด จากระหว่างเทรดดีดตัวขึ้นไปกว่า 300 จุด เมื่อทำเนียบข่าวออกมาปฎิเสธข่าวกรณี ทรัมป์ ระงับขึ้นภาษีทุกประเทศ 90 วัน ยกเว้นจีน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ เวลา 21.56 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ระดับ 37,800 จุด ลดลง 730 จุด หรือคิดเป็น 1.89% โดยดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นกลับมาบวกกว่า 300 จุดได้ไม่เกิน 5 นาที หลังจากนายเควิน ฮาสเซ็ตต์ ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจได้ออกมาเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังพิจารณายกเว้นการจัดเก็บภาษีนำเข้า (Tariffs) ชั่วคราวเป็นระยะเวลา 90 วันสำหรับสินค้าจากทุกประเทศ ยกเว้นจีน

ล่าสุดทำเนียบขาวได้ออกมาปฏิเสธข้อมูลดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นข่าวปลอม (Fake News) และไม่เป็นความจริง ทำให้การปรับตัวของตลาดหุ้นสหรัฐกลับมาร่วงลงเหมือนเดิม ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งอาจส่งผลให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นและฉุดรั้งเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย ส่งผลให้ดาวโจนส์กลับมาดิ่งต่อ

นักลงทุนกำลังจับตาดูการเคลื่อนไหวของตลาดอย่างใกล้ชิด หลังจากการตอบโต้ระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศต่างๆ ในเรื่องของภาษีและการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจทั่วโลกสำหรับดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้น 12% เหนือระดับ 50 ในวันนี้

ทั้งนี้ ประธานาธิบดี ทรัมป์ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) และภาษีศุลกากรพื้นฐาน (baseline tariff) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยภาษีศุลกากรตอบโต้จะแตกต่างกันไปเป็นรายประเทศ นับตั้งแต่ 10-49% โดยขึ้นอยู่กับการตั้งกำแพงภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีของประเทศนั้น ๆ ที่มีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐ และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เม.ย. ส่วนภาษีศุลกากรพื้นฐานอยู่ที่ระดับ 10% เท่ากันทุกประเทศ และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 เม.ย.

รัฐบาลจีนประกาศเรียกเก็บภาษี 34% ต่อสินค้านำเข้าทั้งหมดที่มาจากสหรัฐ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. โดยจีนออกมาตรการดังกล่าวเพื่อตอบโต้ต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ในอัตรา 34% ต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีน ซึ่งเมื่อรวมกับมาตรการเรียกเก็บภาษีที่สหรัฐบังคับใช้กับจีนอยู่แล้วที่ระดับ 20% จะทำให้จีนต้องเผชิญกับอัตราภาษีรวมจากสหรัฐสูงถึง 54%

ทางด้านสหภาพยุโรป (EU) ขู่ตอบโต้สหรัฐเช่นกัน หากการเจรจาเพื่อลดอัตราภาษีประสบความล้มเหลว

นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ ระบุเตือนว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจะกระตุ้นราคาสินค้าทั้งภายในประเทศของสหรัฐและสินค้าที่มีการนำเข้า รวมทั้งฉุดเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งได้ชะลอตัวอยู่แล้วในขณะนี้

ไม่ว่าคุณจะหาเหตุผลที่ชอบธรรมตามกฎหมายในการขึ้นภาษีศุลกากรที่เพิ่งประกาศออกไป แต่ภาษีนี้จะส่งผลกระทบในระยะยาวทั้งดีและไม่ดี รวมทั้งจะมีผลกระทบที่สำคัญในระยะสั้น

เรามีแนวโน้มที่จะเห็นผลกระทบด้านเงินเฟ้อ ไม่เพียงแต่จากสินค้านำเข้า แต่มีผลกับราคาสินค้าในประเทศเช่นกัน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นต่อผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ

ส่วนการที่มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรจะทำให้เศรษฐกิจถดถอยหรือไม่นั้น เราคงต้องดูกันต่อไป แต่มาตรการภาษีนี้จะชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจ” นายไดมอนระบุในจดหมายประจำปีถึงผู้ถือหุ้นของธนาคาร

ทั้งนี้ นายไดมอนนับเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารรายแรกของธนาคารในวอลล์สตรีทที่ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างเปิดเผยต่อมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์ หลังจากที่มาตรการดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลง และทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐทรุดตัวลงในสัปดาห์ที่แล้วมากที่สุดนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563

นายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวว่า การที่รัฐบาลเวียดนามเสนอที่จะยกเลิกการจัดเก็บภาษีศุลกากรโดยสิ้นเชิงต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐ ยังคงไม่เพียงพอที่จะทำให้สหรัฐยกเลิกการเรียกเก็บภาษีศุลกากร 46% ต่อสินค้านำเข้าของเวียดนามที่มีการประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

การที่เวียดนามมาบอกเราว่าจะยกเลิกภาษีศุลกากรเหลือ 0% สิ่งนี้ไม่มีความหมายสำหรับเรา เพราะเรามองว่า ‘การโกงโดยใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร’ ต่างหากที่มีความสำคัญ” นายนาวาร์โรกล่าวให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว CNBC

นายนาวาร์โรกล่าวยกตัวอย่าง ‘การโกงโดยใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร’ ได้แก่ การที่จีนใช้ฐานการผลิตในเวียดนามเพื่อส่งออกสินค้าของตนเอง, การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

อย่างไรก็ดี หลังการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว นายนาวาร์โรได้ปรับถ้อยคำในแถลงการณ์ โดยระบุว่า การที่เวียดนามเสนอยกเลิกภาษีศุลกากรเหลือ 0% “ถือเป็นการดำเนินการเล็กน้อยในเบื้องต้น

Back to top button