PF เปิดแผนไตรมาส 2 รุก “แนวราบ” รับมาตรการ LTV ดันยอดขายโตแกร่ง

PF เปิดแผนธุรกิจไตรมาส 2 ตั้งเป้ายอดขาย 3 พันล้าน คาดมาตรการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV หนุนแรงซื้อคึกคัก พร้อมปล่อยแคมเปญบ้านพร้อมอยู่ “สวยเลือกได้” ใน 25 โครงการ ด้านคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่เป็นอาคาร 8 ชั้น ราคาจับต้องได้ ยังเป็นที่สนใจและสร้างยอดขายได้ต่อเนื่อง


นายวสันต์ ศรีรัตนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า ถึงแผนการดำเนินงานในไตรมาส 2 ว่า บริษัทจะมุ่งทำการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายจากโครงการแนวราบ ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัท และไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทั้งนี้คาดว่าจะมีกลุ่มลูกค้ามองหาที่อยู่อาศัยแนวราบมากขึ้น ขณะที่มาตรการผ่อนคลายเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 68 นี้ จะเป็นปัจจัยหนุนที่ช่วยขยายฐานลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านหลังที่ 2 ได้อีกทางหนึ่ง

ไตรมาส 2 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3,000 ล้านบาท เน้นการตลาดเชิงรุกกับโครงการบ้านระดับไฮเอนด์ที่ยังคงมีกำลังซื้อสูงในปัจจุบัน เพื่อให้ได้ยอดขายจากโครงการในเซกเมนต์ระดับบน 1,500 ล้านบาท ทั้งโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ ที่เตรียมเปิดบ้านตัวอย่างรุ่นใหม่ในทำเลกรุงเทพกรีฑา โครงการเลค เลเจ้นด์ บางนา-สุวรรณภูมิ และแจ้งวัฒนะ ที่มีคฤหาสน์ริมทะเลสาบ โครงการวิลล่าตากอากาศ เบลล่า เดล มอนเต้ เขาใหญ่ ที่ตั้งเป้าปิดการขายเฟส 1 และเปิดตัวพูลวิลล่าเฟส 2 ภายในไตรมาส 2

รวมทั้งบ้านหรู “ซิกเนเจอร์” ในทำเล กรุงเทพกรีฑา รามคำแหง และสุขุมวิท 77 ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับเซกิซุย เคมิคอล ประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นบ้านที่นำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากญี่ปุ่นมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ อาทิ ระบบกรองอากาศ ป้องกันฝุ่น ระบบกันความร้อน ปรับอุณหภูมิให้บ้านเย็นสบาย ระบบผนังป้องกันเสียง และที่สำคัญคือ เป็นบ้านที่ใช้โครงสร้างเหล็กที่ทนทานต่อแผ่นดินไหวได้ถึง 7 ริกเตอร์ ซึ่งคาดว่าจะเป็นสินค้าที่ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น” นายวสันต์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทยังเตรียมปล่อยแคมเปญบ้านพร้อมอยู่รูปแบบใหม่ “สวยเลือกได้” รองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการบ้านพร้อมเข้าอยู่ แต่ยังต้องการปรับเปลี่ยนวัสดุบางอย่างให้ตรงตามไลฟ์สไตล์มากขึ้น โดยลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนวัสดุ ตลอดจนสีตัวบ้าน และรูปแบบสวน และเข้าอยู่ได้ภายใน 3 เดือน ในโครงการเพอร์เฟค เพลส, เพอร์เฟค พาร์ค และ โมดิ วิลล่า รวม 25 โครงการ ทั้งในทำเลแจ้งวัฒนะ รามคำแหง กรุงเทพกรีฑา สุขุมวิท 77 ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์  รังสิต คาดจะสร้างยอดขายได้ 1,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดเฟส 2 ของ “มาร์เก็ต อเวนิว แจ้งวัฒนะ–ราชพฤกษ์” โครงการอาคารพาณิชย์บนถนนหอการค้าไทย รับการเติบโตของทำเล จากการขยายถนนชัยพฤกษ์ด้านหน้าโครงการเป็น 10 เลน ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์

ขณะที่ในส่วนคอนโดมิเนียม จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมา โครงการของบริษัทได้รับผลกระทบน้อยมาก อย่างไรก็ดี บริษัทมีการตรวจสอบความปลอดภัยของทุกอาคารตั้งแต่วันแรกหลังเหตุการณ์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า

โดยโครงการส่วนใหญ่ หรือจำนวน 23 โครงการ รวม 17,100 ยูนิต เป็นอาคาร Low Rise 8 ชั้น ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบ ปัจจุบันบริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จอยู่ระหว่างเปิดขายทั้งหมด 7 โครงการ เป็นคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise 4 โครงการ บริษัทมีแผนเร่งผลักดันยอดขายโครงการอยู่รวยคอนโด และ ไอคอนโด พัฒนาการ ซึ่งเป็นคอนโด Low Rise ในระดับราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย ที่ยังมีความน่าสนใจและยังเป็นที่ต้องการ เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัท โดยวางเป้าขายโครงการคอนโดมิเนียมในไตรมาส 2 ไว้ที่ 400 ล้านบาท

Back to top button