
“ดาวโจนส์” ดีดแรง 1,400 จุด หลังทรัมป์เปิดโต๊ะเจรจาภาษี 70 ชาติ
ดัชนีดาวโจนส์ ดีดแรง 1,400 จุด หลังสหรัฐส่งสัญญาณ พร้อมเปิดโต๊ะเจรจาการค้ากับประเทศคู่ค้า 70 ชาติ ท่ามกลางกระแสตอบโต้ภาษีจากจีน
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (8 เม.ย. 68) ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 1,400 จุด หลังสหรัฐส่งสัญญาณพร้อมเจรจากับประเทศคู่ค้าเกี่ยวกับมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ณ เวลา 21:30 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 39,391.24 จุด บวก 1,425.64 จุด หรือ 3.76%
โดย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า เขาได้สนทนาทางโทรศัพท์กับ นายฮัน ด็อกซู รักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในวันนี้ ซึ่งการสนทนาเป็นไปด้วยดี ก่อนที่คณะเจรจาของเกาหลีใต้จะเดินทางมายังกรุงวอชิงตัน ดีซีเพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐ นอกจากนี้ ระบุว่า จีนมีความต้องการที่จะเจรจากับสหรัฐเช่นกัน และสหรัฐกำลังรอคอยการเจรจาดังกล่าว
“ผมเพิ่งมีการสนทนาด้วยดีกับท่านรักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ โดยเรามีการพูดคุยกันเกี่ยวกับการเกินดุลการค้าจำนวนมหาศาลของเกาหลีใต้, อัตราภาษีศุลกากร, การต่อเรือ, การซื้อก๊าซแอลเอ็นจีจำนวนมากจากสหรัฐ รวมทั้งการที่สหรัฐจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อปกป้องทางการทหารสำหรับเกาหลีใต้ เรามีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงครั้งใหญ่สำหรับทั้งสองประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ของพวกเขากำลังขึ้นเครื่องบินมายังสหรัฐ” ทรัมป์ กล่าว
นอกจากนี้ เรากำลังติดต่อกับอีกหลายประเทศเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดต่างบอกว่าต้องการทำข้อตกลงกับสหรัฐ และเช่นเดียวกับเกาหลีใต้ เราจะหารือในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการค้าและภาษีศุลกากรเช่นกัน
เช่นเดียวกัน จีนก็ต้องการที่จะทำข้อตกลงเป็นอย่างมาก แต่พวกเขาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร เรากำลังรอโทรศัพท์จากพวกเขา ซึ่งมันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ทรัมป์ ระบุใน Truth Social
ขณะที่ นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ขณะนี้รัฐบาลเกือบ 70 ประเทศได้ติดต่อเข้ามาเพื่อขอเจรจาทางการค้ากับสหรัฐ ซึ่งสหรัฐก็เปิดกว้างสำหรับการเจรจากับชาติต่าง ๆ
นายเบสเซนต์ กล่าวว่า การเจรจากับประเทศคู่ค้าดังกล่าวอาจต้องใช้เวลานานหลายเดือน ขณะนี้เกือบ 70 ประเทศได้ติดต่อทำเนียบขาวเพื่อขอเจรจาเกี่ยวกับภาษีศุลกากร ซึ่งจะทำให้เดือนเมษายน พฤษภาคม หรืออาจรวมถึงเดือนมิถุนายนเป็นเดือนที่เรายุ่งมาก
“ถ้าพวกเขามาที่โต๊ะเจรจาด้วยข้อเสนอที่น่าสนใจ ผมคิดว่าเราจะสามารถปิดการเจรจาด้วยข้อตกลงที่ดีได้” นายเบสเซนต์ กล่าวต่อสำนักข่าว Fox
ทั้งนี้ ทรัมป์ ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) และภาษีศุลกากรพื้นฐาน (baseline tariff) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยภาษีศุลกากรตอบโต้จะแตกต่างกันไปเป็นรายประเทศ นับตั้งแต่ 10-49% โดยขึ้นอยู่กับการตั้งกำแพงภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีของประเทศต่าง ๆ ที่มีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐ และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เม.ย. ส่วนภาษีศุลกากรพื้นฐานอยู่ที่ระดับ 10% เท่ากันทุกประเทศ และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 เม.ย.
นอกจากนี้ นายเบสเซนต์ กล่าวว่า จีนกำลังทำผิดพลาดครั้งใหญ่ด้วยการคิดตอบโต้สหรัฐ ขณะที่จีนเป็นฝ่ายเสียเปรียบในการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ
“ผมคิดว่าการตอบโต้ของจีนถือเป็นการทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เพราะพวกเขากำลังถือไพ่ 2 ใบในมือที่มีแค่ใบละ 2 แต้ม เราจะเสียหายอะไรจากการที่จีนขึ้นภาษีศุลกากรกับเรา เพราะเราส่งออกไปยังจีนเพียง 1 ใน 5 เมื่อเทียบกับที่พวกเขาส่งออกมายังเรา ดังนั้นพวกเขากำลังเล่นไพ่ในเกมที่จะถูกกินรวบ” นายเบสเซนต์ กล่าวต่อสำนักข่าว CNBC
ทั้งนี้ จีนประกาศเรียกเก็บภาษี 34% ต่อสินค้านำเข้าทั้งหมดที่มาจากสหรัฐ โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.เพื่อตอบโต้ต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ในอัตรา 34% ต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีน ซึ่งเมื่อรวมกับมาตรการเรียกเก็บภาษีที่สหรัฐบังคับใช้กับจีนที่ระดับ 20% จะทำให้จีนต้องเผชิญกับอัตราภาษีรวมจากสหรัฐสูงถึง 54%
นอกจากนี้ ทรัมป์ให้เวลารัฐบาลจีนจนถึงวันนี้ (8 เม.ย.) ในการยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษี 34% ดังกล่าวต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐ มิฉะนั้นจีนจะถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมอีก 50% ซึ่งจะทำให้จีนถูกเรียกเก็บภาษีรวมจากสหรัฐสูงถึง 104% อย่างไรก็ดี ล่าสุดจีนยืนยันว่าจะต่อสู้จนถึงที่สุด และจีนจะไม่ยกเลิกการเรียกเก็บภาษี 34% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐแต่อย่างใด