
“โกลด์แมน แซคส์” ชี้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอย 45% หวั่นกระทบ GDP เหลือ 1.3%
โกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มโอกาสที่สหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็น 45% จาก 35% พร้อมลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐปี มาเป็น 1.3% และเตือนถึงโอกาสที่ตลาดหมีอาจเกิดขึ้น
โกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับเพิ่มการประเมินโอกาสที่สหรัฐอเมริกาจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็น 45% เพิ่มขึ้นจาก 35% เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า ที่เพิ่มขึ้นมาจาก 20% ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มคาดการณ์ถึงสองครั้งในช่วงเวลาประมาณเพียงสัปดาห์เดียว พร้อมกันนั้นยังลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จากเดิม 1.5% มาเป็น 1.3% ในปี 2025 ทั้งนี้ ทางบริษัทยังได้เตือนถึงตลาดหมีที่อาจเกิดขึ้นเช่นกัน
นักเศรษฐศาสตร์อื่น ๆ ก็ได้ออกมาเตือนเช่นเดียวกัน โดยเจพีมอร์แกนได้ประเมินโอกาสที่สหรัฐและเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยไว้ที่ 60% และคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.4% ภายในสิ้นปีนี้ จาก 2.8% ในปัจจุบัน
เจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกนกล่าวว่า อัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น และทำให้หลายคนพิจารณาความเป็นไปได้ของภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น
ด้านเวลส์ฟาร์โกมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะโตได้เพียง 1% ในปีนี้ ส่วนมอร์แกนสแตนลีย์มีมุมมองที่ดีกว่าเล็กน้อย โดยให้ความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะถดถอยอยู่ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด (Bear Case)
นอกจากนั้นแล้ว สำนักข่าว Sky News ยังได้รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวว่าผู้บริหารจากธนาคารหลายแห่ง รวมถึง Bank of America, Barclays, JP Morgan, Citi และ HSBC Holdings ได้มีการประชุมทางโทรศัพท์ในวันอาทิตย์เพื่อหารือถึงความวุ่นวายในตลาดหุ้นที่ตกต่ำเนื่องจากความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก
แหล่งข่าวหนึ่งกล่าวว่า การสนทนาทางโทรศัพท์นี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้บริหารธนาคารสหรัฐสามารถถ่ายทอดมุมมองเกี่ยวกับความวุ่นวายทางภาษีที่กำลังเกิดขึ้นให้กับผู้บริหารท่านอื่นๆ
เจมี ไดมอน CEO ของเจพีมอร์แกนระบุในจดหมายที่เปิดเผยต่อสาธารณะเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า “ผมหวังว่าหลังจากการเจรจาจบลง และหวังว่าผลกระทบในระยะยาวจะมีประโยชน์ในเชิงบวกต่อสหรัฐ” โดยความกังวลที่สูงที่สุดของเขาก็คือสถานการณ์ปัจจุบันจะส่งผลกระทบต่อพันธมิตรทางเศรษฐกิจระยะยาวของอเมริกา
เครื่องมือชี้วัดความเป็นไปได้ของอัตราดอกเบี้ย (CME FedWatch Tool) ชี้ให้เห็นว่าอัตราความเป็นไปได้ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤษภาคมพุ่งขึ้นเป็น 55% อย่างไรก็ตาม มอร์แกน สแตนลีย์กล่าวว่าเฟดจะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าปีหน้าเนื่องจากผลกระทบของภาษีที่มีผลต่ออัตราเงินเฟ้อ
ด้านแบล็คร็อกได้ลดการประเมินหุ้นสหรัฐเมื่อวันจันทร์จาก “overweight” เป็น “neutral” ในระยะสามเดือน โดยคาดว่าจะมีแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้นเนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น