“ชัยยศ” มอง SET รีบาวด์ แนะสะสมหุ้น Defensive ชู BDMS-ADVANC เด่น

“ชัยยศ จิวางกูร” มองตลาดหุ้นไทย “รีบาวด์” ช่วงสั้น พร้อมชี้เป็นโอกาสสะสมหุ้น Defensive รับแรงกดดันภาษีตอบโต้-กังวลเศรษกิจโลกถดถอย ชู BDMS งบไตรมาส 1/68 กำไรออลไทม์ไฮ ส่วน ADVANC สื่อสารจำเป็น-รายได้มั่นคง และ CPALL รับบริโภคในประเทศฟื้น


นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (9 เม.ย.68) ว่า จากประเด็น Reciprocal Tariff หรือ ภาษีตอบโต้โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 11:00 น. ตามเวลาในประเทศไทยในวันนี้ และในแง่ของตลาดหุ้นไทยได้ซึมซับและตอบรับกับประเด็นนี้มาค่อนข้างมาก

ดังนั้นในเช้าวันนี้อาจมีโอกาสได้เห็นการรีบาวด์ (rebound) แต่ในแง่นักลงทุนอาจจะยังไม่มีความมั่นใจมากนักในการลงทุนโดยการการรีบาวด์ขึ้นมาตามทิศทางของตลาดในกลุ่ม TIP (ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์) เช่น อินโดนีเซียที่มีการเด้งขึ้นมาได้แต่มองว่าความมั่นคงอาจจะยังไม่มีอะไรมากนัก เนื่องจากทุกคนยังคงกังวลเกี่ยวกับภาษีที่สหรัฐฯเพิ่มขึ้น และหลายเรื่องยังไม่มีการเจรจา แม้ว่าประเทศต่างๆจะเตรียมรายละเอียดเพื่อไปเจรจาแล้วก็ตาม

จากประเด็นดังกล่าวฝ่ายวิจัยกรุงศรีได้เตรียมประเมินตัวเลข GDP ใหม่ โดยคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดประมาณการ GDP สำหรับปีนี้ลงอย่างแน่นอนหากไม่มีการพูดคุยหรือเจรจาใดๆ เกิดขึ้นจากเดิมที่ตั้งไว้ 2.8% คาดว่าจะไม่ถึงและน่าจะลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 2 ต้นๆ

ส่วนแนวโน้มของ SET Index อยู่ระหว่างหาฐานเบื้องต้นมองว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,050 จุด โดยความน่ากังวลคือหากหลุดแนวรับที่ 1,050 จุดไป อาจจะลงไปถึงช่วงโควิดที่ประมาณ 950 จุดได้

อย่างไรก็ตามหากดูดัชนี VIX (Volatility Index) ซึ่งบ่งชี้ถึงอารมณ์และความรู้สึกของนักลงทุนที่มีต่อสินทรัพย์เสี่ยงมองว่าขณะนี้ค่า VIX อยู่ที่ระดับ 52 ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยที่เคยขึ้นไปที่ประมาณ 60 ในช่วงวิกฤตต่างๆ เช่น ปี 2008 และช่วงโควิดขึ้นไปถึง 80 กว่า ซึ่งการที่ค่า VIX อยู่ในระดับสูงแสดงถึงความกลัวในการลงทุนที่ค่อนข้างมาก และโดยส่วนใหญ่เมื่อผ่านพ้นจุดนี้ไปแล้ว ตลาดมักจะปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว จากสมมติฐานที่ว่า VIX ใกล้ถึงจุดสูงสุดอาจมองได้ว่าการปรับลดลงของดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังจะถึงจุดสิ้นสุด สำหรับนักลงทุนที่มีเงินเย็นอาจมองว่าเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นดีๆ

ดังนั้นหุ้นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนช่วงนี้แนะนำกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 หรือปัจจัย 5 ได้แก่  บ้าน, อุปโภคบริโภค, อาหาร/การกิน,สื่อสาร และการรักษาพยาบาล เชื่อว่ากลุ่มเหล่านี้มีความน่าสนใจเนื่องจากเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร

สำหรับกลุ่มหุ้นโรงพยาบาล ได้แก่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการภาษีระหว่างประเทศมากนัก โดยฝ่ายวิจัยของกรุงศรีคาดการณ์ว่ากำไรในไตรมาส 1/68 คาดจะออลไทม์ไฮอยู่ที่ประมาณ 4,400 ล้านบาท เติบโตทั้งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY)4 แนะนำราคาพื้นฐาน: 37.50 บาท

ส่วนกลุ่มหุ้นสื่อสาร มองว่ายังมีความจำเป็นและน่าสนใจไดแก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ในไตรมาส 1/68 ก็จะเป็นตัวเลขที่เติบโตเช่นกัน 5,200 ล้านบาท ราคาพื้นฐาน 311 บาท นอกจากนี้แนะนำหุ้นอุปโภคบริโภค เช่น บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เป็นอีกทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินเย็นและเน้นลงทุนระยะยาว

ด้านกลุ่มหุ้นเกี่ยวโยงกับจีนจากผลกระทบของภาษีตอบโตเเรียกเก็บจากสินค้าจีนพุ่งสูงเป็น 104%ต้องมองหุ้นราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงมาทำจุดต่ำสุดในรอบ 4-5 ปี และหลุด 60 เหรียญไปแล้ว สะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจชะลอตัวอันเนื่องมาจากการต่อสู้ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯและจีน

Back to top button