“กัณฑรา” ชี้สหรัฐเบรก “เทรดวอร์” หนุนหุ้นส่งออก-อิเล็กฯ-เดินเรือ

นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (11 เม.ย. 68) โดยคาดการณ์ว่าทิศทาง SET Index หลังปิดเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่ 12-15 เม.ย.68 อาจยังคงเผชิญแรงกดดันจากนโยบายการค้าของสหรัฐ

ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าจากกรณีที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาประกาศเลื่อนแผนการจัดเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศคู่ค้าออกไปอีก 90 วัน อาจเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจต่างๆ เร่งดำเนินการเจรจาหรือสั่งซื้อสินค้าให้ทันก่อนที่มาตรการดังกล่าวจะกลับมาบังคับใช้อีกครั้ง

อีกทั้งฝ่ายวิเคราะห์ยังประเมินว่า ประเทศไทยอาจไม่ใช่หนึ่งในประเทศลำดับต้น ๆ ที่จะได้รับการเจรจาการค้าจากฝั่งสหรัฐฯ ในระยะนี้

สำหรับตลาดหุ้นในขณะนี้ เริ่มเห็นสัญญาณว่าตลาดเริ่มเข้าใจทิศทางของสงครามการค้าได้ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่มุ่งเป้าไปยังประเทศจีนเป็นหลัก ดังนั้น หากเป็นสินค้าของไทยที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องหรือมีประเทศจีนอยู่เบื้องหลัง โอกาสที่จะรอดหรือได้รับผลกระทบน้อยก็ยังมีอยู่มาก

ขณะที่ หากมองถึงช่วงเปิดตลาดหุ้นหลังหยุดยาวในวันพุธหากมีมาตรการใดๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม มองว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ดีและในกรณีที่ยังมีการดำเนินการอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการควบคุม ชอร์ตเซล หรือมาตรการอื่นใดก็ตาม ก็จะช่วยทำให้ภาพรวมของตลาดดูดีขึ้นได้ในเชิงมาตรการ

โดยหาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีการขยายระยะเวลาบังคับใช้มาตรการชอร์ตเซลออกไปเพิ่มเติม คาดว่าหุ้นที่ก่อนหน้านี้ถูกชอร์ตเซลอย่างหนัก มีโอกาสที่จะเห็นแรงซื้อกลับเข้ามา ทั้งนี้ ยังประเมินว่าตลาดหุ้น ณ เวลานี้ภาวการณ์แพนิกเริ่มลดน้อยลง

ในขณะเดียวกัน ช่วงเวลา 90 วันที่สหรัฐฯ ยังไม่เริ่มบังคับใช้มาตรการจัดเก็บภาษีนำเข้า คาดว่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มส่งออก และกลุ่มเดินเรือ ซึ่งมีแนวโน้มจะได้รับประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าราคาหุ้นในกลุ่มเหล่านี้ได้ปรับตัวลดลงอย่างมากก่อนหน้านี้  อย่างไรก็ตาม สำหรับหุ้นที่มีการพึ่งพาประเทศจีนเป็นหลัก นักลงทุนอาจต้องเพิ่มความระมัดระวังในการเข้าลงทุนในช่วงนี้

ขณะที่ กลยุทธ์การลงทุนก่อนเข้าช่วงหยุดยาว ฝ่ายนักวิเคราะห์แนะนำ “เก็งกำไร” อาทิ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK รวมไปถึง บริษัท กอล์ฟ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF หลังราคาปรับตัวลงลึกนับว่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจของบริษัท

นอกจากนี้ ยังแนะนำลงทุน บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB, บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF และบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เป็นต้น