
“หุ้นยุโรป” บวก หลัง “ทรัมป์” ผ่อนคลายภาษีนำเข้าบางรายการ
ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปบวกเล็กน้อย ท่ามกลางบรรยากาศของการประเมินผลประกอบการบริษัทใหญ่ และข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาค ขณะเดียวกันอาจมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายภาษีนำเข้าบางรายการ
ผู้สื่อข่าวรายงาน (15 เม.ย.68) ว่า ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวกเล็กน้อย ท่ามกลางบรรยากาศของการประเมินผลประกอบการบริษัทใหญ่ และข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาค ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาท่าทีของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายภาษีนำเข้าบางรายการ
เมื่อเวลา 07:15 น. ตามเวลาท้องถิ่น ดัชนี DAX ของเยอรมนีบวก 1.30%, FTSE 100 ของอังกฤษเพิ่มขึ้น 0.7% ส่วน CAC 40 ของฝรั่งเศสอ่อนลงเล็กน้อย 0.1% ด้านดัชนี Stoxx 600 ซึ่งสะท้อนภาพรวมตลาดหุ้นยุโรป ขยับขึ้น 0.7%
โดยแรงหนุนสำคัญมาจากการที่สหรัฐฯ ตัดสินใจยกเว้นสินค้าประเภทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากมาตรการภาษีตอบโต้ ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลชั่วคราว แม้ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการค้าของทรัมป์โดยรวมข้ามฝั่งไปยังสหรัฐฯ Christopher Waller หนึ่งในผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ให้ความเห็นว่า ผลกระทบเงินเฟ้อจากภาษีดังกล่าวน่าจะเป็นเพียงชั่วคราว พร้อมเปิดช่องว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังคงเป็นตัวเลือกที่เป็นไปได้
อย่างไรก็ดี เอกสารล่าสุดจาก Federal Register เผยว่า ฝ่ายบริหารของทรัมป์อยู่ระหว่างการพิจารณาการเก็บภาษีนำเข้ายาและชิปเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งอาจกลายเป็นประเด็นร้อนถัดไปในสงครามการค้า
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจจากฝรั่งเศสระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ถือว่าอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีพื้นที่ในการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในการประชุมสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม ECB ยังคงต้องเผชิญกับแรงกดดันจากค่าเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้น และแนวโน้มความตึงเครียดทางการค้าที่เริ่มกลับมาอีกครั้ง
ทางฝั่งสหราชอาณาจักร ตัวเลขการว่างงานเดือนกุมภาพันธ์ทรงตัวที่ 4.4% แต่สิ่งที่น่าจับตาคือการเติบโตของค่าจ้างพื้นฐาน (ไม่รวมโบนัส) ที่เร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 5.9% ต่อปีในช่วง 3 เดือนจนถึงกุมภาพันธ์ สูงกว่าระดับ 5.8% ที่มีการปรับในเดือนก่อนหน้า ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจนโยบายการเงินของธนาคารแห่งอังกฤษ (BoE) ต่อไป
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฝรั่งเศส LVMH ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจสินค้าหรู กลายเป็นประเด็นกดดันตลาดเล็กน้อย หลังรายงานยอดขายไตรมาสแรกลดลง 3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มไวน์และสุราที่หดตัวถึง 9%
ในทางกลับกัน บริษัท Publicis Groupe เผยตัวเลขรายได้ไตรมาสแรกแข็งแกร่งเหนือคาด มีลูกค้ารายใหญ่หลายรายช่วยดันผลประกอบการให้เติบโตท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจโลกผันผวน
ด้าน Beiersdorf เจ้าของแบรนด์ Nivea รายงานยอดขายไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 2.5% ในเชิงการเติบโตแบบออร์แกนิก โดยธุรกิจเวชสำอางเป็นแรงผลักสำคัญที่ช่วยให้ผลประกอบการออกมาเหนือความคาดหมายเล็กน้อย