
CIMBT กำไรไตรมาส 1 โต 34% ทะลุ 800 ล้าน รับรายได้ค่าฟีเพิ่ม-ค่าใช้จ่ายลด
CIMBT รายงานกำไรไตรมาส 1/68 เติบโต 34% แตะ 838 ล้านบาท รับรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMBT รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2568 มีกำไรสุทธิ ดังนี้
โดยผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2568 มีกำไรสุทธิจำนวน 838.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 212.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 33.9 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2567 โดยปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการดำเนินงานร้อยละ 2.2 และการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงถึงร้อยละ 22.1 แม้ว่าผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจะเพิ่มขึ้นก็ตาม
ด้านรายได้จากการดำเนินงานในไตรมาสแรกปี 2568 อยู่ที่ 3,583.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.7 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.2 จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากรายได้จากการดำเนินงานอื่นเพิ่มขึ้น 134.3 ล้านบาท หรือร้อยละ 15.1 ซึ่งมาจากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน และกำไรจากการขายเงินลงทุน แม้จะถูกหักล้างบางส่วนด้วยการลดลงของกำไรจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพ
ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น 62.0 ล้านบาท หรือร้อยละ 20.7 จากการลดลงของค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 118.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.1 เนื่องจากการลดลงของรายได้จากเงินให้สินเชื่อและเงินลงทุน
ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 485.3 ล้านบาท หรือร้อยละ 22.1 จากการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ร้อยละ 47.6 ลดลงจากร้อยละ 62.5 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin – NIM) อยู่ที่ร้อยละ 2.0 ลดลงจากร้อยละ 2.2 เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยลดลง
โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 กลุ่มธนาคารมีเงินให้สินเชื่อสุทธิ (รวมสินเชื่อที่ค้ำประกันโดยธนาคารอื่นและสินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) จำนวน 2,463 พันล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.0 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 ขณะที่เงินฝากรวม (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท) อยู่ที่ 310.5 พันล้านบาท ลดลงร้อยละ 4.2 จากสิ้นปีก่อน ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (Modified Loan to Deposit Ratio) เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 79.3 จากร้อยละ 77.6
ส่วนของสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) ณ สิ้นไตรมาส 1 อยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 2.8 ของเงินให้สินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.6 ณ สิ้นปี 2567 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการจำหน่ายสินเชื่อด้อยคุณภาพในปีก่อน อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงรักษามาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อ และนโยบายการบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งมีมาตรการติดตามและดูแลลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบอย่างใกล้ชิด
ขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อ NPLs อยู่ที่ร้อยละ 134.3 ลดลงจากร้อยละ 137.9 ณ สิ้นปี 2567 โดยกลุ่มธนาคารมีเงินสำรองอยู่ที่ 9.1 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเงินสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 1.5 พันล้านบาท
เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 อยู่ที่ 59.7 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงร้อยละ 21.4 โดยมีเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ร้อยละ 16.7 แสดงถึงฐานะทางการเงินที่มั่นคงและเพียงพอรองรับความเสี่ยงในระดับที่เหมาะสม