
TTB ปล่อยสินเชื่อหด-รายได้ค่าฟีลด กดกำไรไตรมาส 1 เหลือ 5 พันล้านบาท
TTB รายงานกำไรไตรมาส 1/68 ลดลง 5.18% เหลือ 5 พันล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร 5.3 พันล้านบาท รับแรงกดกันสินเชื่อหด รายได้ค่าธรรมเนียมบริการปรับตัวลง
ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2568 มีกำไรสุทธิลดลง ดังนี้
บริษัทฯ รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2568 มีกำไรสุทธิ 5,096.01 ล้านบาท ลดลง 5.18% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 5,374.14 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 1/2568 ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเป็นจำนวน 13,219 ล้านบาท ลดลง 8.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนอยู่ที่ 14,396 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายขาลงส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากสินเชื่อได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ย
รวมไปถึงความต้องการในตลาดรถยนต์ที่ชะลอตัว ในขณะที่ ผลตอบแทนจากเงินลงทุนปรับตัวดีขึ้นจากการบริหารจัดการพอร์ตเงินลงทุนเชิงรุก ทั้งนี้ ธนาคารยังคงควบคุมต้นทุนทางการเงินได้ดีจากการปรับโครงสร้างเงินฝาก รวมถึงสัดส่วนหนี้สินและเงินกู้ยืม เป็นปัจจัยบวกต่อรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนนอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ อยู่ที่ 2,348 ล้านบาท ลดลง 4.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน อยู่ที่ 2,454 ล้านบาท
ขณะที่ ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (NIM) ไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 3.19% ลดลง 0.09% จาก 3.28% ในไตรมาส 1/2567 มีสาเหตุหลักมาจากสภาวะดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 1/2567 ซึ่งโดยรวมอยู่ในระดับที่สูงกว่าจึงส่งผลให้อัตราผลตอบแทนสินเชื่ออยู่ในระดับที่สูงกว่าในไตรมาสนี้ ด้านต้นทุนทุนทางการเงินยังคงเป็นปัจจัยที่ธนาคารควบคุมได้ดีและลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน นอกจากนี้ ด้วยการบริหารจัดการพอร์เงินลงทุนเชิงรุกในช่วงที่อัตราผลตอบแทนในตลาดมีความผันผวน ส่งผลให้ผลตอบแทนจากพอร์ตเงินลงทุนเพิ่มสูงขึ้น
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KS เปิดเผยในบทวิเคราะห์ว่า ผลประกอบการของ TTB สำหรับไตรมาส 1/2568 ต่ำกว่าประมาณการของฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย 8% และต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ 4% โดยมีสาเหตุหลักจากต้นทุนความเสี่ยง (credit cost) ที่สูงถึง 149bps เมื่อเทียบกับที่คาดไว้ 135bps
โดย TTB มีการตั้งสำรองพิเศษเพิ่มเติม (management overlay) จำนวน 954 ล้านบาท และมีการตั้งสำรองปกติอีก 3.6 พันล้านบาท ส่งผลให้ normalized credit cost อยู่ที่ระดับ 120bps ในไตรมาสนี้ ขณะเดียวกันสินเชื่อรวมลดลง 2% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยลดลงในทุกกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ (corporate -3.8%) กลุ่ม SME (-3.1%) และกลุ่มลูกค้ารายย่อย (-1.7%)
ด้าน อัตราผลตอบแทนจากดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 3.13% ลดลงทั้งจากไตรมาสก่อน และปีก่อนหน้า ตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิ (Net fee income) ลดลง 4.8% จากไตรมาสก่อน และ 4.3% จากปีก่อนหน้า โดยเฉพาะจากค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อ
อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) เพิ่มขึ้นเป็น 3.3% จาก 3.1% ในไตรมาสก่อน ขณะที่อัตราส่วนเงินสำรองต่อ NPL (Coverage Ratio) ทรงตัวอยู่ที่ 150% ทั้งนี้ กำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 คิดเป็นเพียง 23% ของประมาณการทั้งปีของ บล.กสิกรไทย ซึ่งจะมีการปรับปรุงประมาณการอีกครั้งหลังการประชุมนักวิเคราะห์ในช่วงบ่ายวันนี้