
“สุทธิชัย” ชี้ SET ผันผวน แนะลงทุน 3 ธีมเด่น “ปันผลสูง-Domestic Play-ESG”
นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย มอง SET ยังคงผันผวน เผชิญความไม่แน่นอนหลายปัจจัย พร้อมแนะนำลงทุน 3 ธีมเด่น “ปันผลสูง-Domestic Play-ESG”
นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ INVX เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (21 เม.ย.68) ว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังคงมีความผันผวน ตลาดยังเผชิญความไม่แน่นอนจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะในด้านวอลุ่มการซื้อขายที่ยังไม่กลับเข้าสู่ระดับปกติ รวมถึงการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันฟิวเจอร์ซึ่งเช้าวันนี้ปรับตัวลดลงราว 0.5–0.6% ซึ่งอาจเป็นแรงกดดันต่อทิศทางตลาด
สำหรับทิศทางของสงครามการค้าระหว่างประเทศเริ่มมีพัฒนาการเชิงบวก โดยเฉพาะการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นซึ่งมีความคืบหน้าในเชิงบวก อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงต้องติดตามการเจรจาระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีกำหนดเข้าร่วมในวันที่ 23 เมษายนนี้ ซึ่งอาจมีผลต่อมุมมองเศรษฐกิจและกระแสเงินทุนในภูมิภาค
ด้านมุมมองทางเทคนิค มีแนวต้านระยะสั้น: 1,160 จุด หากสามารถผ่านได้ มีโอกาสขยับขึ้นสู่ระดับ 1,175–1,180 จุด และแนวรับสำคัญ: 1,135 และ 1,120 จุด หากไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านได้ อาจเกิดการปรับฐานระยะสั้น โดยภาพรวม ตลาดยังคงมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ แต่ upside อาจค่อนข้างจำกัด และต้องอาศัยปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติม
ส่วนกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ผลประกอบการไตรมาสล่าสุด งบการเงินของกลุ่มธนาคารที่ประกาศออกมามีลักษณะผสมผสาน โดย BBL, KBANK และ BAY รายงานผลประกอบการดีกว่าที่ตลาดคาด ขณะที่ KTB และ TISCO ออกมาตามประมาณการและ คุณภาพสินทรัพย์โดยรวมยังทรงตัว อัตราส่วน NIM ปรับตัวลดลงตามแนวนโยบายดอกเบี้ย ส่วน Credit Cost ลดลงในหลายธนาคาร รวมถึงการตั้งสำรองหนี้เสีย (Loan Loss Reserve) อยู่ในระดับคงที่หรือปรับตัวลดลงเล็กน้อย
แนวโน้มในอนาคต ภายใต้บริบทของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน และสถานการณ์สงครามการค้าที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยอาจมีความจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากถึง 3 ครั้งภายในปีนี้ (มากกว่าคาดการณ์เดิมที่ 1 ครั้ง) ซึ่งอาจส่งผลต่อประมาณการรายได้ของกลุ่มธนาคารโดยรวม
กลุ่มธนาคารยังคงรักษาจุดแข็งด้านนโยบายการจ่ายเงินปันผล โดยคาดว่า Dividend Per Share จะใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า เนื่องจากมีการบริหารจัดการเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ คงมุมมอง “เป็นกลาง” ต่อกลุ่มธนาคารในระยะสั้น โดยมีหุ้นแนะนำเฉพาะเจาะจง ได้แก่ BBL และ KTB
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ในภาวะที่ตลาดยังมีความผันผวนสูง นักลงทุนควรเน้นการลงทุนในหุ้น Domestic Play และหุ้นที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ
โดยธีมการลงทุนที่น่าสนใจ กองทุน Thai ESG ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2568 คัดเลือกหุ้นจาก SET50 ที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีกำไรเติบโต และจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 3% ได้แก่ ADVANC, BBL, BDMS, CPALL, PTT
หุ้นนอก SET50 ที่มีศักยภาพ BCH, BTG
หุ้น Undervalue ที่มี ESG Rating A ขึ้นไป และจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง BJC, CPF, HMPRO, OR
หุ้นกลุ่ม Trading ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าน้อย BCH, CPALL, GULF, MTC, OR, TRUE